วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า


อย่า โกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า

ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา
ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์.
ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคือง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น.
เพราะถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง
หรือไม่พอ ใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา
ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์นั้น,
อันตราย เพราะความโกรธเคืองนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง.
ถ้าท่านทั้ง หลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา
ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์
จะรู้ได้ละหรือว่า คำกล่าวของคนเหล่าอื่นนั้น
เป็น คำกล่าวที่ดี (สุภาษิต) หรือไม่ดี (ทุพภาษิต) ?
"ไม่ทราบ พระเจ้าข้า."
"ดู ก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง
ให้ เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา
ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้
ข้อ นั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้."

พรหม ชาลสูตร ๙/๓


อย่าดีใจตื่นเต้นเมื่อใครชมเชยพระพุทธเจ้า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวชมเชยเรา
ชมเชยพระ ธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์
ท่านทั้งหลายไม่พึงแสดงความชื่นชมโสมนัส
หรือ ความรู้สึกตื่นเต้นในบุคคลเหล่านั้น
เพราะถ้าท่านทั้งหลายมีความชื่นชม โสมนัส
มีความตื่นเต้นในบุคคลที่กล่าวชมเชยเรา
ชมเชยพระธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์
อันตรายเพราะเหตุนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงรับรองเรื่องที่เป็นจริง ให้เห็นว่าเป็นจริง
ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวชมเชยเรา ชมเชยพระธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์
ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นจริง ข้อนั้นแท้
ข้อนั้นมีใน พวกเรา ข้อนั้นปรากฏในพวกเรา ดังนี้."

พรหมชาลสูตร ๙/๔

จากหนังสือ "พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน
ย่อความจากประไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ๔๕ เล่ม"
โดย คุณสุชีพ ปุญญานุภาพ


จาก...ลานธรรมจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น