วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไม่ไกล...แค่ใจเอื้อม


เมื่อใดที่ใจเราว้าวุ่นอยู่ด้วยสิ่ง กระทบทั้งจากโลกภายนอก และจากความฟุ้งซ่านภายในใจของเรา ความทุกข์เร่าร้อนเกิดขึ้นเพราะเราตามไม่ทันความคิดนั่นเอง ความนึกคิด
ที่ ปรุงแต่งไปโดยมีความคาดหวังเป็นเชื้อเพลิง
เผาไหม้ให้โทษแก่เราเสมอ...

แต่เมื่อใดใจเราสงบระงับเสียจากความฟุ้งซ่าน
อันปรุง แต่งไปทั้งอดีตและอนาคต ทั้งเรื่องที่ชอบและ
ที่ชัง ใจเราก็จะว่างเว้นจากการพเนจรไปตามอารมณ์
น้อยใหญ่ เมื่อนั้นจิตใจเราก็จะว่าง และปล่อยวาง
จากกระแสความคิดอันสับสน ไปอยู่ในสภาพอันสงบเย็นเป็นสุขณ ที่นั้น มีความคิดความเห็นอันถูกอันควรทุกอย่างบรรจุอยู่ในจิตที่สงบ...

'ความสงบ' เป็นของใกล้ตัว แต่เรามักมองข้ามคุณค่าไป
โดยการปล่อยใจให้เกาะกุมอยู่กับสิ่งกระทบ แล้วครุ่นคิด
ไปตามสิ่งเหล่านั้นอย่างหยุดยั้งไม่อยู่ จนเกิดอารมณ์
หวั่น ไหว ดุจผิวน้ำใสที่ไกวกระฉอก มิหนำซ้ำเรายังชอบ
ทำลายความสงบของจิตใจ เสียบ่อย ๆ ด้วย
การสร้างภาพ เสียง และข่าวสารขึ้นมามากมาย
ในยุค เทคโนโลยีแห่งโลกาภิวัตน์อันมากเกินพอ
สำหรับความจำเป็นพื้นฐาน หรือปัจจัย 4

มลภาวะทางตา ทางหู และทางอารมณ์เหล่านี้
จองจำเราไว้ มิให้ว่างเว้นเลย จากการปรุงแต่งเป็นความสุขความทุกข์ ความรักความชัง ความดึงดูดและผลักดัน
อย่าง น่าเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก

ขณะอยู่กับธรรมชาติที่เงียบสงบ เราบางคนอาจรู้สึกว่า
มัน หงอยเหงาเปล่าประโยชน์ ต้องหาอะไรมาทำ มาอ่าน
มาดู มาฟัง ต้องหาการละเล่นมาฆ่าเวลา หรือหาความอึกทึกครึกโครมมาแก้เหงา เราจึงไม่เคยเปิดโอกาสให้จิต
ได้พักผ่อนอยู่กับบ้านที่แท้จริงคือ. ..'ความสงบ' อันเป็น
บ่อเกิดแห่งพลังใจ ซึ่งช่วยจุดประกายสติสัมปชัญญะ
ให้ เราเฝ้ามองและเข้าใจตนเอง ถึงความเป็นไปที่กำลังดำเนินอยู่ในจิต และความต้องการอันแท้จริงของชีวิต...

มารู้ตัวแทบทุกครั้ง ก็เมื่อถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว
ดีใจ เสียใจ ลิงโลด โกรธ รัก ริษยา และบางทีก็เผลอเอ่ยวาจาหรือกระทำสิ่งอันไม่เหมาะควรไปเสร็จ อันมีแต่นำพาชีวิตของเราให้ร้อนรุ่ม ยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเก่า...

ดูเหมือนว่าเราชอบลงทุนแสวงหาสิ่งภายนอกมาย่ำยี
วิหาร แห่งความสงบและดวงปัญญาในใจของเราเอง...
ทุกแห่งหน แม้ในชนบทที่แสนสงบ ผู้คนยังทำลาย
ความสงบไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นยวดยานพาหนะ
ที่แผด เสียงราวระบายความคับแค้นใจ
ดนตรีที่แข็งกันกระหึ่มราวจะกลบเสียงแห่ง ความทุกข์
ความแตกตื่นในสินค้า ข้อมูลและข่าวสารจากทุกมุมโลก
ที่ คอยปิดบังความรู้สึกอ่อนโยนและจริงใจที่พึงมีต่อตนเอง

เรายินดีหามันมาบรรจุไว้ในใจจนเต็มแน่นทุกวัน ๆ
ไม่ เหลือที่เลยให้..'สติ'
ได้เกิด ให้..'ความสงบ'ได้กล่อม
และ ให้..'ปัญญา'ได้ชโลมชีวิตนำทางเรา
ไปสู่ความสุขอันสงบเย็น ปราศจากความเร่าร้อนดิ้นรน...

หากเรา รู้จักศิลปะของการทำใจให้เป็นอิสระ แม้เพียงครู่สั้นๆ อาจด้วยการหลีกห่างจากสถานที่อันระงมไปด้วยสิ่งเร้า
ไปสู่เขตคามที่มี ความทะยานอยากน้อย หรือการเจริญสติไว้ในสมาธิ โดยวิธีหนึ่งวิธีใดที่เหมาะกับจริตเรา
ตามครรลองที่ถูกต้อง เราก็จะได้กลับไปพบกับรสชาต
แห่งความสงบที่เราจากลามานาน หรือไม่เคยพบเห็นเลย เกิดความรู้เท่าทันความนึกคิดของตนเอง และเกิดความ
เข้า ใจในสภาวะธรรมต่างๆตามความเป็นจริง
อันล้วนทำให้ชีวิตเราหมุนไปในทางที่ ดีขึ้น และเบาบาง
จากความหลง นับเป็นรางวัลชีวิตที่ตอบแทนเรา
อย่าง คุ้มค่าและประณีตยิ่งกว่าการปล่อยใจให้
กระเจิงไปกับอารมณ์ตามโลกภายนอก จากที่เราคลั่งไคล้ มัวเมา...ฯ

นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบเป็น ไม่มี...

ขอนอบน้อมคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น