วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุ๊ปเลือด มีประโยชน์มาก

เลือด : สายธารแห่งชีวิต
ในร่างกายของเรามีเลือดอยู่ประมาณ 3.8 - 4.9 ลิตร หรือคิดเป็น 7 % ของน้ำหนักตัว พลาสมาเป็นส่วนประกอบที่มีปริมาณถึง 55 % ของเลือด มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองที่ประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ ฮอร์โมน แอนติบอดี และของเสีย ทำหน้าที่ช่วยให้เม็ดเลือดไหลเวียนไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ส่วนเม็ดเลือด ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่ เกร็ดเลือด เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มปิดที่ปากบาดแผล (ไม่อย่างนั้น เลือดอาจจะไหลออกจนหมดตัวได้) เม็ดเลือดขาว ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และศัตรูต่าง ๆ ของร่างกาย ถือเป็นตัวภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ เม็ดเลือดแดง ที่เราเห็นเป็นสีแดงของเลือดนั้นแท้จริงคือฮีโมโกบิน(Hemoglobin) เม็ดสีที่ประกอบด้วยธาตุเหล็กซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่จับโมเลกุลของออกซิเจน(ฮีโมโกบิน 1 โมเลกุลสามารถจับออกซิเจนได้ถึง 4 โมเลกุล) ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ และถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ว่ากันว่าในร่างกายเรามีเม็ดเลือดแดงอยู่ประมาณ 25 ล้านล้านเม็ดเลยทีเดียว ในเม็ดเลือดแดงนี้เองมีโปรตีนสำคัญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอนติเจน ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้าง แอนติบอดี สารสองตัวนี้มีความสำคัญในการถ่ายเทเลือดจากอีกคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง เพราะหากแอนติเจนกับแอนติบอดีเข้ากันไม่ได้แล้ว ผู้ที่ได้รับการถ่ายเลือดอาจเสียชีวิตได้
เรื่องน่ารู้ของกรุ๊ปเลือด
เลือดของคนเราแบ่งออกเป็น 4 กรุ๊ปตามระบบ เอบีโอ( ABO system) ได้แก่ กรุ๊ป A กรุ๊ป B กรุ๊ป AB และกรุ๊ป O การถ่ายเลือดนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อแอนติเจนและแอนติบอดีของเลือดตรงกันหรือเข้ากันได้ หลักเกณฑ์ในการถ่ายเลือดมีอยู่ว่า
* คนที่มีเลือดกรุ๊ป A ซึ่งมีแอนติเจน A และมีแอนติบอดี B สามารถรับเลือดกรุ๊ป A และ O ได้
* คนที่มีเลือดกรุ๊ป B มีแอนติเจน B และแอนติบอดี A สามารถรับเลือดกรุ๊ป B และ O ได้
* คนที่มีเลือดกรุ๊ป AB มีทั้งแอนติเจน A และ B แต่จะไม่มีแอนติบอดี สามารถรับได้ทุกกรุ๊ป แต่ให้ใครไม่ได้เลย
* ส่วนคนที่มีเลือดกรุ๊ป O ไม่มีแอนติเจน แต่มีแอนติบอดีทั้ง A และ B สามารถให้เลือดได้กับทุกกรุ๊ป แต่รับได้เฉพาะเลือดกรุ๊ปเดียวกันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เลือดกรุ๊ป O จึงได้ชื่อว่าเป็นนักบุญนั่นเอง
กรุ๊ปเลือดเหล่านี้ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม ลูกจะมีเลือดอยู่ในกลุ่มที่ตรงกับพ่อหรือแม่อย่างน้อยคนใดคนหนึ่ง การตรวจเลือดจึงมักเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งในการพิสูจน์หาพ่อแม่ที่แท้จริง
นอกจากนี้หลายคนอาจสงสัยว่าเวลาไปตรวจเลือด คุณหมอมักเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวต่อจากผลกรุ๊ปเลือดด้วย เช่น กรุ๊ป B Rh+ หรือกรุ๊ป O Rh- เป็นต้น จริง ๆ แล้วเป็นการบอกชนิดของแอนติเจนที่พบในเลือดอีกชนิดหนึ่งนอกจากแอนติเจน A และ B เรียกว่า อาร์เอชแฟกเตอร์(Rh factor)

แอนติเจนชนิดนี้มีอยู่ในพลเมืองโลกประมาณ 85 % ส่วนที่เหลือไม่มี ดังนั้นใครที่ตรวจพบว่ามีอาร์เอชแฟกเตอร์อยู่ คุณหมอก็จะเขียนต่อท้ายกรุ๊ปเลือดว่า Rh+ แต่สำหรับคนที่ไม่มีแอนติเจนชนิดนี้ ก็จะถูกระบุว่า Rh- ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรต้องรู้ไว้อย่างยิ่ง หากผู้หญิงที่มีกรุ๊ปเลือด Rh- แต่งงานกับผู้ชายกรุ๊ปเลือด Rh+ จะทำให้ทารกในครรภ์ได้รับอันตราย เพราะแอนติบอดีในเลือดของแม่อาจถ่ายผ่านไปยังเลือดของทารกที่มีอาร์เอชแฟกเตอร์ แล้วทำปฏิกิริยาต่อกันอาจถึงกับแท้งได้ ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทารกปลอดภัย ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจมีลูก สามี - ภรรยาควรจูงมือกันไปตรวจเลือดเพื่อลดความเสี่ยงนี้
นอกจากนี้คนที่มีกรุ๊ปเลือด Rh- ไม่สามารถรับเลือดที่มี Rh+ ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และเนื่องจากกรุ๊ปเลือด Rh- หาได้ยากมาก เมื่อมีอุบัติเหตุฉุกเฉินกับคนเหล่านี้ขึ้น จึงต้องขอความช่วยเหลือจากธนาคารเลือด หรือขอบริจาคจากคนที่กรุ๊ปเลือดตรงกัน ที่เราได้ยินบ่อย ๆ ทางสถานีวิทยุ จส.100 นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น การศึกษาเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากของ Dr. Peter J. D'Adamo นายแพทย์ด้านธรรมชาติบำบัดชาวสหรัฐอเมริกา ยังค้นพบอีกว่า การกินอาหารและใช้ชีวิตที่เหมาะสมกับคนกรุ๊ปเลือดนั้น ๆ สามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้
Dr. Peter J. D'Adamo เขียนหนังสือออกมาหลายเล่มเพื่อเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับการกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด เล่มหนึ่งที่โดดเด่นของเขามีชื่อว่า "Eat Right For Your Type" ได้อธิบายว่า เม็ดเลือดทั้ง 4 กรุ๊ปของคนเรามีรายละเอียดที่แตกต่างกัน อาหารของคนแต่ละกรุ๊ปเลือดจึงแตกต่างกันด้วย ดังนี้

กรุ๊ป O
เจ้าของแนวคิดได้อธิบายที่มาของคนกรุ๊ปเลือด O ว่า เป็นกรุ๊ปเลือดที่เก่าแก่ที่สุดโดยมาจากมนุษย์กลุ่มแรกของโลก ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร จัดว่าเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างแข็งแรง อาหารเด่น ๆ ของคนกลุ่มนี้คือ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของคนกรุ๊ป O มีความเป็นกรดสูง จึงสามารถย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ง่าย สามารถกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้โดยไม่มีปัญหาเมื่อเทียบกับกรุ๊ปอื่น ๆ ดังนั้นอาหารที่ควรเลี่ยงคือ อาหารที่จะเข้าไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารให้มากขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น เครื่องดื่มประเภทเบียร์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือผลไม้ที่มีความเป็นกรดสูง จากหนังสือของ Dr. Peter J. D'Adamo กล่าวว่า คนกรุ๊ปเลือดนี้มีลักษณะของความเป็นผู้นำสูง มุ่งมั่น จริงจัง เข้มแข็ง อดทนอดกลั้น และชอบวางแผน เป็นกรุ๊ปเลือดที่เหมาะกับการออกกำลังกายหนัก ๆ ได้เกือบทุกประเภท เพราะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างแข็งแรง เลือดไหลเวียนดี อัตราการเต้นของหัวใจสูง จึงควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง
กรุ๊ป A
เป็นกลุ่มที่พัฒนามาจากคนกรุ๊ปเลือด O คือเมื่อหมดยุคล่าสัตว์ก็เริ่มต้นตั้งถิ่นฐาน และรู้จักการเพาะปลูกพืช กินผักผลไม้เป็นอาหารหลักแทนเนื้อสัตว์ ลักษณะเด่นของคนกลุ่มนี้จะตรงกันข้ามกับคนกรุ๊ปเลือด O คือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ หากกินอาหารประเภทเนื้อโดยเฉพาะเนื้อแดงเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ย่อยยาก จึงไม่เหมาะกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ไส้กรอก แฮม กุนเชียง ฯลฯ เท่าใดนัก นม เนย ไข่ก็จัดเป็นอาหารที่กินได้เป็นครั้งคราว เพราะมีโปรตีนที่ย่อยยากเช่นกัน ซึ่งอาจเลี่ยงมาเป็นน้ำนมถั่วเหลืองแทน อาหารที่เหมาะกับคนกลุ่มนี้ที่สุดคือผักและผลไม้ ซึ่งควรจะกินให้มากกว่าอาหารประเภทอื่น เมล็ดธัญพืชเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถชดเชยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดีโดยเฉพาะถั่วเหลือง ถั่วลิสง เครื่องดื่มประเภทกาแฟมีสรรพคุณเพิ่มกรดในกระเพาะ ส่วนชาเขียวช่วยในการย่อยอาหารได้ คนกลุ่มนี้มักเป็นมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย ชอบความสมบูรณ์แบบ บางครั้งชอบเรียกร้อง และครุ่นคิดกับเรื่องตัวเอง แต่ก็มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สูง และให้ความร่วมมือกับผู้อื่นดี เป็นกลุ่มที่เหมาะกับกินอาหารแบบมังสวิรัติที่สุด แต่มักเจ็บป่วยง่าย ดังนั้นจึงควรป้องกันเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และดูแลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มาก ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยได้ แต่คนกรุ๊ปเลือดนี้ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ เพราะธรรมชาติมักเป็นคนเหนื่อยง่าย จึงควรเลือกเล่นกีฬาเบา ๆ เช่น โยคะ รำมวยจีน กอล์ฟ เต้นรำ ยืดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
กรุ๊ป B
หลังจากที่มนุษย์ได้ตั้งถิ่นฐานและเพาะปลูกแล้ว ก็เริ่มเลี้ยงสัตว์เอง กินเนื้อและนมของสัตว์ที่เลี้ยงไว้ ร่างกายได้มีวิวัฒนาการมากขึ้น จนเกิดเป็นกลุ่มเลือดกรุ๊ป B คนกลุ่มนี้จึงค่อนข้างจะกินอาหารได้หลากหลาย ทั้งผัก ผลไม้ นม เนย ไข่(ได้ไม่มากนัก) และเนื้อสัตว์ ซึ่งจะมีก็แต่เนื้อไก่เท่านั้นที่เลกตินไม่เข้ากับกรุ๊ปเลือดกรุ๊ปเลือดนี้มักมีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้นกันบกพร่องและไวรัส อาหารที่ควรได้รับเป็นพิเศษ ได้แก่ ผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ เนื่องจากมีแมกนีเซียมช่วยป้องกันโรคผื่นคัน อาหารที่มีแคลเซียมสูง เครื่องดื่มสมุนไพรอย่างชาเขียวจัดว่าส่งผลดีต่อเลือดกรุ๊ปนี้อย่างมาก การออกกำลังกายจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น หากเน้นเรื่องทำสมาธิและผ่อนคลายจิตใจควบคู่ไปด้วยจะดีมากคนกรุ๊ปเลือด B มักมีนิสัยรักอิสระไม่ขึ้นอยู่กับใคร มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นนักวางแผน เชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยืดหยุ่น ประนีประนอม ไม่แข็งกร้าว ซึ่งก็จะเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดี
กรุ๊ป AB
เป็นกลุ่มที่มีวิวัฒนาการซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดหลังสุด ค้นพบเมื่อประมาณ 1,000 - 1,500 ปีมานี้เอง มีลักษณะคล้ายกรุ๊ป A และกรุ๊ป B รวมกัน ดังนั้นอาหารที่ดีต่อคนกรุ๊ปเลือด A และ B ก็จะดีต่อกรุ๊ป AB ด้วย แต่ก็มีอาหารหลายอย่างที่ควรเลี่ยง เช่น เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก อาหารประเภทไส้กรอก แฮม กุนเชียง เพราะกระเพาะอาหารของคนกรุ๊ปเลือดนี้ไม่สามารถผลิตน้ำย่อยโปรตีนได้ดีเท่ากรุ๊ป O โปรตีนที่เหมาะสมควรมาจากเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาหารทะเล สาหร่าย เต้าหู้ ไข่ แต่ต้องไม่กินในปริมาณมากนัก ถั่วที่มีคุณต่อกรุ๊ปเลือดนี้คือ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง สามารถกินทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ กรุ๊ปนี้มีระบบภูมิคุ้มกันค่อนข้างอ่อนแอ จึงควรกินผักและผลไม้สดมาก ๆ ชาเขียว ไวน์แดง เป็นเครื่องดื่มที่ให้ผลดีต่อคนกลุ่มนี้ คนกรุ๊ปเลือด AB มักเป็นกลุ่มที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย แต่ก็น่าไว้วางใจ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้ดี เป็นกรุ๊ปที่ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบใช้แรงมากเช่นเดียวกับกรุ๊ปเลือด A แต่ก็ควรสลับกับการออกกำลังกายที่ใช้แรงบ้าง เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายนอกจากนี้ การทดลองของ Dr. Peter J. D'Adamo ยังพบว่า เลกตินของเนื้อหมู มะพร้าว แป้งขัดขาว ไม่เข้ากับกรุ๊ปเลือดใด ๆ เลย
แต่ที่สำคัญ หากจะรับไปปฏิบัติคงต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียดเสียก่อน เพื่อให้ทางที่เลือกนี้เป็นทางที่ถูกและปลอดภัยสำหรับตัวคุณเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น