วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าจากหญิงชรา


วัน แรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำ ตัวและบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อน ผม ยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ และมีมือ ๆ หนึ่งเอื้อมมาจับบ่าของผม ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยว ย่น ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่าง ยิ่ง หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า ...

“สวัสดี รูป หล่อ ฉันชื่อโรส อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ”

ผม หัวเราะกับท่าทางของเธอ และตอบอย่างร่าเริงว่า

“แน่นอน ได้สิ ครับ ”

แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง ผมถามเธอว่า ...

“ทำไมคุณถึงมาเรียน มหาวิทยาลัย เอาตอนที่อายุน้อยและไร้ เดียงสาอย่างนี้ละ.. ”

เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า “ฉัน มา หาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย แล้วมีลูกสักสองสามคน...”

ผมขัด จังหวะเธอ โดยถามว่า "ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ”

ผมสงสัย จริงๆ ว่า อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอ
ตอบว่า " ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้ ฉันก็กำลัง จะได้ปริญญาที่ฉันฝัน”

หลังเลิกเรียนวิชานั้น เราเดินไปที่ อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน เรากลายเป็น เพื่อนกันในทันที ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อม กัน และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด
ผมนั้นประหลาดใจเสมอ เมื่อได้ฟัง“ยานเวลา" ลำนี้ แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม

ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของ เรา และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป เธอ รักที่จะแต่งตัวดีๆ และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ ที่นักศึกษาคนอื่น ๆ ให้กับเธอ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา เรา ได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับ เรา ... พิธีกรแนะนำตัวเธอ
และเธอก็เดินขึ้นมา ที่แท่น ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น เธอทำการ์ดที่ บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า แต่เธอโน้มตัวเข้าหา ไมโครโฟนแล้วบอกว่า

“ขอโทษด้วย นะ ที่ฉันซุ่มซ่าม ฉันเลิกกินเบียร์ มาตั้งนานแล้ว แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ... ฉันคงจะเอาบทของฉัน มาเรียง ใหม่ไม่ทันแล้วงั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน”

พวก เราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า

พวกเราทุกคนนั้น ไม่ ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น"


ที่จริงแล้ว มีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอมีความสุขและประสบความสำเร็จ อยู่ 4 ประการ

1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่อง สนุกๆ ขำขันทุกวัน

2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญ เสีย ความฝันของคุณไป คุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไปเดินมาอยู่ทั้งๆ ที่ ตายไปแล้วและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..

3) การที่คุณ “แก่ ขึ้น” กับ “เติบโตขึ้น” นั้นมันต่างกันมาก ถ้าคุณอายุสิบเก้า แล้วนอนอยู่บน เตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี คุณก็จะอายุ ยี่สิบ ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุแปดสิบแปด ทุกๆ คนนั้นจะแก่ ขึ้น ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย ประเด็นของการ เติบโต ขึ้น นั้นอยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง

4) อย่าทิ้งอะไร ไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ "

เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง “The Rose” อย่างกล้าหาญ และเธอได้แนะ ให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้นและเอาความหมายเหล่านั้นมา ใช้กับ ชีวิตประจำวันของพวกเรา เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้ เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไป อย่างสงบ เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย ...
นักศึกษากว่าสองพันคน ไปร่วมพิธีศพของเธอ เพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ ผู้ได้สอนให้พวก เขาได้รู้ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า.......ไม่มีคำว่าสายเกินไป ที่จะ เป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้

เพื่อ ระลึกถึงหญิงชราที่ชื่อ โรส ...จงจำไว้ว่า

"การแก่ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้

เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เรา ได้รับ แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่เราให้ไป"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น