วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กลอนวันแม่

...จุดเริ่มต้นเรื่องราวปวดร้าวยิ่ง ได้แต่นิ่งเกินจำหลักวาดอักษร
ครูให้เขียนการบ้านเรื่องมารดร หนูสะท้อนทุกครั้ง...หลั่งน้ำตา
จักให้เขียนเริ่มต้นจนใจแท้ คำว่า “ แม่ ”..ยิ่งใหญ่จริงไหมหนา
ตั้งแต่จำความได้ในจินตนา ภาพใบหน้า..แม่นั้นเป็นฉันใด
ตั้งแต่หนูลืมตามาดูโลก พบแต่โศก..หดหู่ครูรู้ไหม
รสสัมผัสอันอบอุ่นที่คุ้นใจ เป็นอย่างไรไม่รู้..หนูไม่มี
เห็นคนอื่นพร้อมพรั่งทั้งแม่พ่อ เฝ้าพะนอเอาใจให้สุขี
ยามหกล้มช่วยยื้อยุดฉุดชีวี ปลอบฤดีเรียกขวัญพลันกลับคืน
เฝ้าประคองสองมือแม่ดูแลลูก รักพันผูกห่วงใยมิใช่ฝืน
ต่างกับหนูยามช้ำต้องกล้ำกลืน ก้อนสะอื้นในอกจนตกใน
ไร้คำปลอบยามหม่นต้องทนทุกข์ ไร้คำปลุกยามพรั่นหวาดหวั่นไหว
ไร้ที่พึ่งพักพิงอิงทางใจ ไร้สิ่งใดที่ใครเขามีกัน..
ยามจะนอนไร้ลำนำบทขับกล่อม ที่รายล้อมคือความเหงาเศร้าโศกศัลย์
กอดตัวเองอุ่นกายในบางวัน แต่ใจนั้นหนาวอยู่มิรู้คลาย
แทนความนัยตอกย้ำเด็กกำพร้า คือน้ำตาหยาดรินมิสิ้นสาย
อยากจะเขียนเสกสรรค์คำบรรยาย สื่อความหมายคล้ายสมองต้องตีบตัน
จึงยากเค้นอักษรป้อนความหมาย ที่เรียงรายคือน้ำตามาปลอบขวัญ
แทนหยาดหมึกจารึกไว้นัยสำคัญ ถึงแม่นั้น..คือน้ำตาที่พร่านอง
จารจากใจถึงแม่จ๋า..ว่าลูกรัก ชาตินี้ลูกบุญน้อยนักจักสนอง
หากชาติหน้าถ้ามีให้สมปอง ทุกครรลองพร้อมหน้ากันสวรรค์ดล
กระดาษเปล่าเล่าความด้วยน้ำตา แทนอักษราเรียงความติดตามผล
ส่งคืนครูด้วยใจหากได้ยล หนูหมองหม่นทุกทีที่เรียงความ..
-----------------------------******----------------------------------------
อุ้มรัก

อุ่นใดเล่าอุ่นนักอุ่นรักเจ้า อุ่นที่เฝ้าดูแลและถนอม
อุ่นสายใยผูกพันทุกวันยอม อุ่นในอ้อมกอดรักฟูมฟักรอ
ให้เจ้าได้เติบใหญ่ในครรภ์น้อย เก้าเดือนคอยหัวใจไม่เคยท้อ
เก็บความรักความหวังพลังพอ เพียงแค่ขอให้เจ้าเฝ้าเติบโต
จะเก็บเกี่ยวความฝันทุกวันไว้ เจ้าเติบใหญ่รายล้อมพร้อมสุขโข
ให้สมบูรณ์แข็งแรงแกร่งกล้าโชว์ เป็นสายโซ่เกี่ยวรัดผูกมัดใจ
ให้เจ้าเป็นเด็กดีปรีดานัก รักทอถักยืนยงอสงไขย
เป็นความหวังของพ่อแม่ต่อไป อิ่มอุ่นใดอุ่นเท่ารักเจ้าเอย..
-----------------------------******----------------------------------------

ก่อนแม่จะสิ้นลม

แม่จ๋าช่วยหนูด้วย ครวญครางให้ช่วยเจ็บปวด
กระโดดเต้นดิ้นพรวด เฮือกสุดท้ายลมหายใจ
ดั่งหนึ่งตัวแตกดับ มิอาจรับรู้ใดได้
ร้อนรุ่มราวสุมไฟ อีกเย็นเยือกสลับกัน
ลูกน้อยนอนแน่นิ่ง ทุกสรรพสิ่งมืดดับพลัน
แม่นี้จะฆ่ามัน เจ้าชั่วช้ามาคุกคาม
เจ็บแปลบปวดแสบทั่ว ราวเนื้อตัวต้องพิษหนาม
แผ่ซ่านรานรุกราม ความมืดมิดเข้าครอบครอง
เลือนรางความรู้สึก มิอาจนึกใดทั้งผอง
ตั้งจิตเข้าประคอง เพื่อต่อต้านกับมวลพิษ
ก่อนที่จะม้วยมรณ์ ข้าขอวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขอยลลูกสักนิด พร้อมสั่งลาก่อนลาไกล
ลมหายสุดท้ายก่อนไกลร่าง ทั่วสรรพางค์หน่วงหนักพักทุกสิ่ง
แว่วแว่วเสียงแม่จ๋าอย่าทอดทิ้ง ยังเล็กยิ่งลูกจะอยู่กับผู้ใด
ความรู้สึกขาดห้วงยังห่วงลูก เจ้าบุญปลูกของแม่อยู่ที่ไหน
มาให้แม่ยลยินจวนสิ้นใจ ก่อนที่แม่จะหลับใหลชั่วนิรันดร์
ปีกบางกางโอบลูกน้อยกลอยใจ มิอาจขยับได้เพียงไหวสั่น
เคลื่อนเพียงปลายปีกขนที่เบาเท่านั้น ลูกน้อยร้องลั่นแทรกซบอกเอย
งูเห่าเอยใยเจ้าใจร้ายนัก กล้าพรากรักแม่ลูกสุขเสวย
แล้วหลบเลื้อยหนีไปไม่เหลือเลย สองชีวีสังเวยที่เหลืออยู่ใย
-----------------------------******----------------------------------------

กอดของแม่

อุ่นอันใดในหล้าที่ว่าอุ่น ไม่ละมุมทดแทนเท่าแขนแม่
ที่ตวัดโอบร่างอย่างดูแล ยามลูกแพ้ด้วยฤทธิ์พิษสังคม
มือแม่นั้นโอบมาจากบ่าซ้าย แนบเรือนกายกลางหลังฝังความขม
ตบเบาเบาหมายให้ไล่ความตรม ดุจสายลมอบอุ่นละมุนละไม
น้ำตาลูกรินลงอยู่ตรงหน้า แม้เหนื่อยล้าเจ็บท้อเพียงขอให้
รอยกอดนั้นลึกล้ำมาค้ำใจ ตลอดไปชั่วกาลนานนิรันดร์
ลูกวันนี้อยู่อย่างห่างคนกอด คำพร่ำพลอดห่วงใยไกลเกินฝัน
แขนที่โอบแนบสนิทติดชีวัน ก็มีอันจากไปในเวลา
ลูกจะรอวันหนึ่งถึงวันนั้น วันที่ฝันอบอุ่นยังกรุ่นฟ้า
วันที่ต้องทดท้อต่อชะตา วันเหว่ว้ามาเตือนเยือนชีวี
ลูกจะหยิบมือแม่วางกลางศีรษะ อย่าปล่อยนะวางไว้ตรงใจนี่
ด้วยความรักศรัทธาและปรานี ให้ลูกนี้ยืนหยัดในบัดดล...
-----------------------------******----------------------------------------

คำสอน..ของแม่

เสียงที่เคย เอ่ยฟัง ยังคงอยู่ เฝ้าอุ้มชู เลี้ยงดู มิรู้หน่าย
คอยฟูมฟัก ด้วยรัก ลูกมากมาย มิท้อใจ ขอให้ ลูกได้ดี
ความฉลาด แม่อาจ วาดไม่ได้ ลูกต้องใช้ หัวใจ ไล้แต้มสี
ประสบการณ์ ก้าวผ่าน เนิ่นนานมี กลวิธี แห่งชีวี ที่มีมา
แม่อยากให้ ใจลูก คิดถูกต้อง จงไตร่ตรอง พิศมอง ผองปัญหา
ทางสายกลาง ทิศทาง สร้างปัญญา รักศรัทธา ค่าความดี ที่เจ้าทำ
เมื่อลูกเห็น ใครลำเค็ญ อย่าเข่นข้อง เข้าทำนอง กองไม้ล้ม ก้มเหยียบย่ำ
เฝ้าคิดร้าย ต่อใคร ไม่ควรทำ ลูกจงจำ ถ้อยคำ แม่ย้ำเตือน
จงก้าวเดิน เผชิญจิต ลองผิดถูก เมื่อคิดผูก ต้องลุก กระตุกเงื่อน
ด้วยตัวเรา เท่านั้น อย่าฟั่นเฟือน คิดเลอะเลือน เงื่อนตาย ได้อายตัว
จงเรียนรู้ สู่ทาง อย่างอดกลั้น มิหวาดหวั่น พลันตก อกสลัว
ใช้สมอง ตรองพิศ อย่าคิดกลัว ดีหรือชั่ว ตัวเรา ย่อมเข้าใจ
ลูกมีสิทธิ์ คิดฝัน ทุกวันวี่ แต้มชีวี สีสัน อันสดใส
แม้นไม่อาจ วาดฝัน ได้ทันใด สู้ต่อไป อย่าสิ้นไร้ ในใจตน
ยามใดสุข เผื่อทุกข์ เข้าปลุกปลอบ นี่คือกรอบ ครอบใจ ได้ทุกหน
ทางชีวิต ลิขิตวาง อย่างแยบยล บรรลุผล หลุดพ้น วังวนกรรม
แม่อยากให้ ยิ้มไว้ ทั่วใบหน้า ใครว่าบ้า อย่าสน คนพูดพร่ำ
ยิ้มเพื่อได้ ล้างใจ ใคร่ควรทำ ยิ้มประจำ นำชีวิต จิตเบิกบาน
มีสิ่งหนึ่ง พึงจำ ในคำแม่ ความจริงแท้ แน่วแน่ ไม่แปรผัน
พูดโกหก เหมือนตก นรกพลัน ทุกข์อนันต์ มหันต์ภัย ดั่งไฟฟอน
กำลังใจ แม่ให้ ไม่มีหมด มิเลี้ยวลด จำจด ทุกบทสอน
พระคุณแม่ แท้จริง ยิ่งสาคร ประนมกร อ่อนแนบ แทบเท้าเอย
-----------------------------******----------------------------------------

แม่...ผู้น่าสงสาร

แม่ของลูกแก่เฒ่าอยู่เฝ้าบ้าน ลูกสำราญร่ำสุราหาความสุข
แม่ไหว้พระทุกวันหวังพ้นทุกข์ ลูกสนุกในคลับบาร์ทุกราตรี
แม่เฝ้าคิดถึงลูกผูกพันจิต ลูกกลับคิดเพรียกหายอดยาหยี
แม่ไปวัดทุกวันหมั่นทำดี ลูกกินเหล้าเคล้านารีทุกวี่วัน
แม่หวังว่าสักวันฝันของแม่ ใจจริงแท้ที่แม่มีที่แม่ฝัน
หวังเพียงลูกได้ดีสุขชีวัน สุดท้ายนั้นความหวังแม่...แค่ฝันไป
-----------------------------******----------------------------------------

ใกล้ถึงวันแม่แล้วลูกรัก

ครบเก้าเดือนอุ้มท้องเจ้าร้องไห้ ใคร?เจ็บเจียนขาดใจกลับไม่บ่น
เลือดทั้งกายกลั่นไหลเป็นสายปน รักเข้มข้นพันผูกให้ลูกยา
จนผ่านวันผ่านเดือนหมุนเคลื่อนคล้อย เจ้าเด็กน้อยเริ่มมีแรงเริ่มแกร่งกล้า
ค่อยสอนเดินสอนทำสอนคำจา สอนวิชาเรียนรู้ไว้คู่ใจ
จากวันนั้นถึงวันนี้หลายปีผ่าน จนวันวารเปลี่ยนสู่วัยผู้ใหญ่
ส่งเรียนสูงศึกษามหาวิทยาลัย ได้อาศัยลูกแน่ยามแก่ชรา
สู้อาบเหงื่อต่างน้ำทำงานหนัก เพื่อลูกรักได้ผ่านการศึกษา
เล่าเรียนจบจนคว้าปริญญา แม่ภูมิใจลูกมีตราปัญญาชน
มีครอบครัวอยู่เย็นเป็นฝั่งฝา คงหมดภาระใจไม่หมองหม่น
ลูกคงมีความสุขไม่ทุกข์ทน แม่คนนี้ย่างเข้าแล้ววัยชรา...
นี่ใกล้ถึงวันแม่แล้วลูกรัก.. อยากทายทักถามไถ่ได้พบหน้า
สบายดีหรือเปล่าเจ้าลูกยา สื่อภาษาความรักจากหญิงนึง
มีรูปถ่ายเก่าเก่าคลายเหงาบ้าง มีไอ้ด่างข้างกายคลายคิดถึง
ภาพลูกน้อยผ่านวัยให้รำพึง เงียบหายซึ่งข่าวคราวเจ้ากลอยใจ
นั่น...หญิงชรา แลนัยน์ตาหม่นหมองอยากร้องไห้
ฝากสายลมแสงดาวกล่าววอนไป ขอกลอยใจกลับคืนถิ่นก่อนสิ้นลม
แต่เล็กจนเติบใหญ่ ใครหนอใครอยู่เคียงคุณ
อุปถ้มภ์แลค้ำจุน อีกเกื้อหนุนด้วยอาทร
เมื่อครั้งคราทารก ในอ้อมอกนิทราภรณ์
เลือดอกบรรจงป้อน ผ่อนเย็นร้อนบ่คลอนคลาย
ยุงเหลือบแลไรริ้น ปัดเป่าสิ้นอันตราย
มูลมูกเมือกทั้งหลาย ชำระให้ด้วยอาทร
เมื่อครั้งคราตั้งไข่ ใครหนอใครเคียงบ่จร
ผิล้มประคองซ้อน ก่อนเป่าเพี้ยงบรรเทาพลัน
รู้ความในวันเก่า เราหนอเราซิซนรั้น
เพียรสอนเพียรอดกลั้น อันโอบเอื้อเหลือคณนา
วิชาค่าล้ำชีพ ดั่ง ประทีปเกราะศาสตรา
ใครเล่าเฝ้าสรรหา ให้รู้ค่าแลพากเพียร
จงรู้คุณแดนเกิด เชิดชาติราชศาสน์เสถียร
ป้องปราบศัตรูเสี้ยน ด้วยแกล้วกล้าสามัคคี
ควรค้ากัลยาณชน แลหลีกพ้นพาลกาลี
สัมมาครรลองวิถี มีหิริโอตัปปา
เติบใหญ่ในวันนี้ มีเบื้องหลังอันหาญกล้า
ฝ่ามรสุมนานา ผจัญปัญหาสารพัน
ท่ามกลางอุปสรรค ยังมอบรักประจักษ์อัน
เที่ยงแท้มิแปรผัน รักแท้นั้นพิสุทธา
กี่เหงื่ออาบกายพ่อ กี่หยดหนอ นมมารดา
พระคุณท้นท่วมฟ้า กี่ชาติกว่าทดแทนเทียม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น