วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

วางใจเป็นกลาง ละวางความทุกข์

ธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วางใจเป็นกลาง ละวางความทุกข์ ความทุกข์ที่บังเกิดขึ้นที่จิต เพราะอาศัยความยินดียินร้าย เป็นตัวสมุทัยหนุนให้เกิดทุกข์ ทุกข์ตัวนี้ คือทุกข์อริยสัจที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อเรามีสติกำหนดอารมณ์จิตของเราอยู่ตลอดเวลา สุขทุกข์เกิดสลับกันไป เมื่อสติสัมปชัญญะตัวนี้เด่นขึ้น มีพลังแก่กล้าขึ้นเมื่อใด เราสามารถที่จะกำหนดรู้ รู้ธรรมะตามความเป็นจริง... เมื่อจิตของท่านสามารถที่จะดำรงอยู่ในความเป็นปกติ ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์นั้น ๆ ความเป็นปกติจิตปรากฏเด่นชัดอยู่ตลอดเวลา ตัวปกติของจิตนั่นแหละคือตัวนิโรธ เพราะฉะนั้น การกำหนดรู้อารมณ์จิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ ศีล ๕ บริสุทธิ์ สุดประเสริฐ แม้ทำสมาธิไม่เป็น ภาวนาไม่เป็น แต่ศีล ๕ บริสุทธิ์ เป็นสิ่งประเสริฐสุดในการปฏิบัติธรรม ศีลมากก็ไร้ค่า ถ้าศีล ๕ ไม่มี ท่านที่ทะนงตัวว่ามีศีลมาก ๆ เป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าหากมองข้ามศีล ๕ ยังละเมิดศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่งอยู่ ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะเหตุว่าที่มีกายใจที่จะรองรับคุณธรรมเบื้องสูงขึ้นไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีศีล ๕ ละกิเลสทางกาย กิเลสไม่ใช่เรื่องที่เราจะละได้ กิเลสที่ละได้คือละการไม่ทำ ละการไม่พูด แต่ความรู้สึกทางใจนี่ตั้งใจละเองไม่ได้ การละกิเลสทางกาย ก็คือ ศีล ๕ ข้อพลิกกิเลสให้เป็นธรรม กิเลสที่มีอยู่ในจิตในใจของเรานั้น อย่าไปพยายามละ แต่ต้องมีสติปัญญา ถ้ากำหนดพิจารณาให้รู้ว่า เรามีกิเลสตัวใด ในเมื่อเรารู้ว่า เรามีกิเลส โลภ โกรธ หลง เราพยายามใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์โดยความเป็นธรรม อย่าปล่อยให้ โลภ โกรธ หลง มันพาเราไปทำบาปทำชั่ว ที่เราจะป้องกันอำนาจของกิเลส โลภ โกรธ หลง ไม่ให้พาเราไปทำบาปทำชั่ว เราต้องยึดศีล ๕ เป็นหลักเรายังมีกิเลส โลภ โกรธ หลง มากน้อยเพียงใด พยายามดูจิตของเราให้มันรู้ว่ามีกิเลสตัวไหน ในเมื่อเรารู้แล้ว เราจะใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์อย่างไร จึงมีความยุติธรรม หรือเป็นไปเพื่อความสันติสุขในสังคมมนุษย์ถ้าหลง หลงในคุณงามความดี ถ้าโกรธ โกรธความชั่ว ความไม่ดี ความบาป ถ้าโลภ โลภในการสร้างคุณธรรมให้มีให้เกิดขึ้นในจิตในใจ ให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา สร้างพลังสมาธิปัญญาให้แก่กล้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น