ไมเคิล แจ็กสัน กับประเทศไทย
ไมเคิล แจ็กสัน เป็นที่รู้จักของคนไทยส่วนหนึ่ง ขึ้นมาจากมีชื่อถูกอ้างถึงในเพลง ทับหลัง ของคาราบาว ในปี พ.ศ. 2531 ที่มีเนื้อร้องในท่อนแยกว่า "เอาไมเคิล แจ็กสันคืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา" ซึ่งเป็นบทเพลงที่ได้รับความนิยมจากกระแสเรียกร้องทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์จากสถาบันศิลปะชิคาโก สหรัฐอเมริกา ไมเคิลเคยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในกลางปี พ.ศ. 2536 เป็นการโปรโมตปิดอัลบั้ม Dangerous กำหนดการแสดง 2 รอบ ในวันที่ 21 สิงหาคม และ 22 สิงหาคม ที่สนามศุภชลาศัย โดยทางบริษัท เทโรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เป็นผู้จัด ซึ่งก่อนการแสดงได้มีการโปรโมตทางช่อง 3 เป็นรายการพิเศษเกี่ยวกับไมเคิล แจ็กสัน มี เมทินี กิ่งโพยม เป็นพิธีกร โดยออกอากาศในช่วงเที่ยงของวันเสาร์-อาทิตย์ อยู่นานนับเดือน คอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากชาวไทย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงความเหมาะสมของการจัดแสดง เพราะบางส่วนเห็นท่าเต้นลูบเป้าของไมเคิลไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทยและเมื่อเดินทางมาถึง ไมเคิลได้แต่งตัวแปลก ๆ เมื่อลงจากเครื่องบินส่วนตัวด้วยผ้าปิดหน้า โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้ยินว่ากรุงเทพ ฯ มีควันไอเสียเยอะ ซึ่งส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงเห็นว่าเป็นการแสดงออกที่ดูถูกประเทศไทย อีกทั้งต้องใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากในการแสดง และราคาบัตรที่เข้าชมก็นับว่าแพงมากด้วย คือ 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท โดยคอนเสิร์ตวันแรกจบลงด้วยดี แต่ในวันที่ 22 สิงหาคม ไมเคิล อ้างว่าป่วย ขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 23 สิงหาคม แต่เมื่อมาถึงก็ขอเลื่อนไปอีก สร้างความไม่พอใจแก่แฟน ๆ จนเกิดเป็นจลาจลย่อย ๆ หน้าสนาม ซึ่งต้องใช้เทปเสียงของเจ้าตัวมาเปิดยืนยันว่าป่วยจริง ๆ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคม อีกที คราวนี้เมื่อถึงวันที่ 24 สิงหาคมจริง ๆ ก็สามารถจัดการแสดงได้และจบลงด้วยดี ซึ่งปรากฏการณ์คอนเสิร์ตในครั้งนี้นับเป็นการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ของนักร้องชาวต่างประเทศระดับโลกครั้งแรกของไทย และต่อมาก็ได้มีศิลปิน นักร้องต่างประเทศทยอยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทยเรื่อย ๆ ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว ไมเคิลก็ได้เดินทางต่อไปยังประเทศบรูไน เพื่อเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่นั่น โดยมีสุลต่านบรูไนเป็นผู้จัดและเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี ครั้งที่ 2 เป็นคอนเสิร์ตโปรโมตอัลบั้ม HIStory โดยแสดงแบบกลางแจ้งที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2539 เปิดแสดง 2 รอบเช่นเคย ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้รับความสนใจเท่าครั้งแรกและบัตรก็จำหน่ายไม่หมดทุกที่นั่ง แต่ผู้ชมยังคงเข้าไปชมอย่างหนาแน่น โดยเพลงที่นำมาแสดงในครั้งนั้นได้แก่ Scream, They Don't Care About Us, You Are Not Alone, Beat It, Billie Jean, Heal The World, Childhood และเพลงอื่น ๆ ร่วม 20 เพลง ในปี พ.ศ. 2542 ไมเคิลได้เผยว่าจะมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตรอบพิเศษ โดยจะจัดแสดงทั่วอเมริกาเพียง 10 ที่ ซึ่งตัวไมเคิลเองอยากจะแสดงและโชว์อีกครั้ง แต่ในการแสดงอาจจะมีการเปิดเทปในการแสดงเป็นบางช่วง เพราะตัวไมเคิลเองอาจร้องไม่ไหว และการเต้นอาจจะไม่สนุกเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะไมเคิลมีอายุถึง 48 ปี ในการแสดงครั้งนี้จะเปิดการแสดงในชุด Jackson 5 ซึ่งมีการรวมตัวเหล่าพี่น้องของไมเคิล ในการแสดงจะมีเพลงแค่ 16 เพลง ในชุด Jackson 5 จะมี 6 เพลงและเพลงของไมเคิลเอง 10 เพลง คือ You Are Not Alone, Heal the World, Billie Jean, Man in the Mirror, Will You Be There, Black or White, Beat It, Stanger in Moscow, Rock with You และ Bad และจะจัดขึ้นทั่วโลกในปี พ.ศ. 2552 เพียง 9 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, อิตาลี, สเปน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฝรั่งเศส รวมถึงประเทศไทยด้วย ในราคาค่าตัวสำหรับการเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตถึง 20,000,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 650,000,000 บาท คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในประเทศไทยที่สนามศุภลาศัย ที่จุคนได้ถึง 70,000 คน โดยคาดว่าค่าบัตรเข้าชมจะมีราคา 1000, 2,000, 3,000, 4,000 บาทโดยประมาณ ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 ไมเคิล แจ๊กสัน และพี่น้องเขาให้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อได้ปรากฏตัวอีกครั้งในรูปแบบคอนเสิร์ตเต็มที่ และทำให้นักข่าวตกตะลึง เมื่อสถานที่แสดงศิลปินวงอื่น ๆ ยังสามารถทำได้เพียง 50,000 คน เท่านั้น แต่ในที่นี้ไมเคิลได้ทำลายสถิติทั้งหมด เพียง 1 ครั้งเท่านั้น โดยมีผู้ชม ถึง 125,000 คนเลยทีเดียว
ถึงแก่กรรม
ไมเคิล แจ็กสัน ได้ถึงแก่กรรมอย่างกระทันหันในวัย 50 ปี ในช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ณ ศูนย์การแพทย์โรนัลด์ เรแกน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (Ronald Reagan UCLA Medical Center) เมื่อเวลา 14 นาฬิกา 26 นาที ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 4 นาฬิกา 26 นาที 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ตามเวลาประเทศไทย โดยสาเหตุการเสียชีวิตเชื่อว่าเขามีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่ยังต้องรอผลการชันสูตรศพเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงก่อน และข่าวการเสียชีวิตก็ได้เป็นข่าวโด่งดังและเป็นที่สนใจไปทั่วโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น