วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

การทำบุญกับคนพิการ

สำหรับคนหูหนวกตาบอด แขนขาขาด และทุพพลภาพต่าง ๆ ที่เราให้ทานกันในทุกวันนี้นั้น เช่นเมื่อเห็นคนเฒ่าคนแก่ทำอะไรไม่ได้เลย เราก็ทำทานสงเคราะห์ไป เราก็ได้บุญอยู่ ถ้าหากว่าคนเหล่านั้นไม่มีศีล บุญที่ได้ก็ไม่มาก แต่ก็ยังได้บุญอยู่ตามกำลังศรัทธา เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ตรัสเทศนาสั่งสอนพุทธศาสนิกชนทั้งหลายว่า เราควรเป็นผู้มีจิตใจเมตตาเจือจานแบ่งปัน แก่เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยาก มีความลำบากเกิดขึ้นแก่เขาเหล่านั้นแล้วจงบริจาคทานตามกำลังของตนเองเถิด ฉะนั้นการที่เราจะทำบุญให้ได้บุญมากก็คือ • ตั้งแต่เบื้องต้น เจตนาที่จะทำบุญแม้เราจะหาสิ่งของอะไรที่ควรจะบริจาคทานนั้น จะมีมากน้อยเพียงใดก็ตาม เรียกว่าบุพพเจตนา คือควรจะมีเจตนาในการทำบุญที่ดี • ภิกษุเป็นผู้มีศีล ทายกผู้ให้ทานก็เป็นผู้มีศีลด้วยวัตถุไทยทานได้มาบริสุทธิ์ก็ได้บุญสมบูรณ์ แม้ของทำบุญน้อยก็ย่อมได้บุญมาก เมื่อไปถึงสถานที่แล้วทายกก็ต้องประเคนสิ่งของที่ตนเองไปทำบุญแก่พระด้วยความเคารพนอบน้อม ถ้าหากเป็นการให้สิ่งของแก่คนทั่วไป ก็ส่งให้ด้วยกริยามารยาทดี เป็นการเคารพในกองบุญของตนเอง และพระภิกษุผู้รับประเคนก็น้อมรับด้วยความเคารพ เรียกว่า มุญจนเจตนา ถึงแม้ของทำบุญจะเป็นของเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร เวลาทำบุญต้องทำด้วยความเคารพ ทำบุญด้วยความไม่เคารพนั้นไม่ถูกต้อง มันจะไม่ได้บุญมาก มันเหมือนไม่พอใจที่จะบริจาคให้แก่ผู้รับทาน
ฉะนั้นจึงควรทำบุญด้วยความเคารพ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเอาไว้ว่าทายกผู้ให้ มีความเคารพของทานของตน ปฏิคาหกผู้รับก็เคารพของทานนั้น จึงถูกต้องและควรปฏิบัติ • เมื่อพระภิกษุตั้งใจให้พระแก่ทายกผู้บริจาคสิ่งของนั้น แล้วทายกตั้งใจรับพร ด้วยความแช่มชื่นเบิกบานในกองกุศลที่ตนเองได้บริจาคทาน แล้วก็แผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศล ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย เรียกว่า อปราปรเจตนา


ขอบคุณลานธรรมจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น