วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

ย้อนรอย เขายายเที่ยง ปมร้อนการเมือง


จากกรณี เขายายเที่ยง กับการถือครองที่ดิน เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ถูกมองว่าเป็นการครอบครองที่ไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จนนำมาสู่การยื่นฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ แต่ในที่สุดอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีเจตนา และประเด็น เขายายเที่ยง ยิ่งร้อนแรงขึ้นมาอีก เมื่อกลุ่มเสื้อแดงนำมาโจมตี พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมกับการบุกขึ้นไปชุมนุมที่ เขายายเที่ยง เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา จนมีกระแสข่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เตรียมเปิดใจ และรับปากยอมคืนที่ดิน เขายายเที่ยง จำนวน 21 ไร่ ให้กรมป่าไม้ หลังยื้อมานาน สำหรับ เขายายเที่ยง เป็นภูเขาในเขตตำบลคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีอาณาเขตแนวป่าติดต่อกับ ป่าเขาเตียน ป่าเขาเขื่อนลั่น ป่าปากช่อง ป่าหมูสี และเขื่อนลำตะคอง ลักษณะภูมิศาสตร์สูงจากน้ำทะเลปานกลาง 390 เมตร หัวเขาอยู่ทางด้านทิศเหนือ ทอดตัวไปทางทิศใต้มีความยาว 17 กิโลเมตร หัวเขาติดกันถนนมิตรภาพ ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา ริมเขื่อนลำตะคอง อีกฟากหนึ่งของเขื่อนเป็นเขาเตียน และภูพังเหย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งนี้ มีชาวบ้านขึ้นมาทำกินบน เขายายเที่ยง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 โดยถางป่าทำไร่ข้าวโพด จนเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม แต่ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2545 ได้มีการประกาศให้ เขายายเที่ยง เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติตามแผนที่-อาคารของกรมแผนที่ทหาร ส่วนที่มาของปมร้อน เขายายเที่ยง กับการถือครองของ พล.อ.สุรยุทธ์ เริ่มจาก ในปี พ.ศ.2534 กรมป่าไม้ ได้เข้ามาจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรที่อาศัยอยู่บน เขายายเที่ยง ให้ทั้งหมดกว่า 100 ครอบครัว ซึ่งจะได้ครอบครัวละ 14 ไร่ 2 งาน (ให้ทำกินครอบครัวละ 14 ไร่ และให้เป็นที่อยู่อาศัยอีก 2 งาน) โดย นายเบ้า สินนอก ผู้บุกเบิกที่ดินบน เขายายเที่ยง ได้รับการจัดสรรที่ดินปัญหาดังกล่าว จำนวน 2 แปลงติดกัน แปลงแรกมีเนื้อที่ 14 ไร่ ส่วนแปลงที่ 2 มีเนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน ซึ่งต่อมานายเบ้า ได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีกแปลง โดยไม่มีเอกสารสิทธิ์จำนวน 10 ไร่ โดยไม่ทราบว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวนฯ แล้วเข้าไปทำไร่มันสำปะหลัง ละหุ่ง และข้าวโพด ต่อมาในปี พ.ศ. 2536-2537 นายเบ้า ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ นายนพดล พิทักษ์วานิชย์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ในราคา 700,000 บาท และนายนพดล ได้ขายที่ดินให้กับ พ.อ.สุรฤทธ์ จันทราทิพย์ ในราคา 50,000 บาท จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2545 ได้มีเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองมาเป็น พ.อ.หญิงคุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภรรยา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ โดยได้มีการยื่นเสียภาษีบำรุงท้องที่ ภทบ.5 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นหลักฐานการถือครอง ซึ่งจากจุดนี้จะเห็นว่ามีความแตกต่างของราคาซื้อขายที่ต่ำลง แทนที่จะสูงขึ้น ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของภรรยา พล.อ.สุรยุทธ์ ในทอดสุดท้ายโดยไม่มีการซื้อขาย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ ที่ดิน เขายายเที่ยง ในครอบครองของ พล.อ.สุรยุทธ์ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าการซื้อขายก่อนหน้านี้เป็นการจัดฉาก และเมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปมการถือครองที่ดิน เขายายเที่ยง ก็ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยราวเดือนตุลาคม ปี พ.ศ.2550 นายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ทนายความที่มีบทบาทในการมีส่วนร่วมต่อสู้เรื่องสิทธิทำกินกับองค์กรชาวบ้านในเขตภาคอีสาน และเป็นทนายความที่ถูกประกาศเป็นบุคคลเกียรติยศประจำปี 2548 ของมูลนิธิโกมลคีมทอง ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสอวน ให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.สุรยุทธ์ กับพวก ในข้อหาบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขายายเที่ยง จนกระทั่งผ่านไป 2 ปี ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2552 อธิบดีอัยการเขต 3 มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ขาดเจตนาทำผิด เพียงแค่ครอบครองที่ดิน เขายายเที่ยง ที่ผิดเงื่อนไขตามมติคณะรัฐมนตรี ปี พ.ศ.2518 แต่ก็ให้อัยการจังหวัดสีคิ้ว แจ้งให้กรมป่าไม้ไปเอาที่ดินคืนมา เรื่องนี้ คุณธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ แถลงในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด จึงถือว่าเป็นการแถลงอย่างเป็นทางการ ส่วน กรมป่าไม้ จะไปเอาที่ดินคืนจาก พล.อ.สุรยุทธ์ หรือไม่นั้น โฆษกสำนักอัยการสูงสุดบอกว่า เป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้ที่จะพิจารณาดำเนินการ อัยการไม่มีอำนาจหน้าที่ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ละเว้นไม่ดำเนินการ ก็อาจจะเป็นความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้เช่นกัน ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่ากรมป่าไม้จะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เตรียมที่จะคืนที่ดิน เขายายเที่ยง จำนวน 21 ไร่ ให้กรมป่าไม้ทั้งหมด โดยไม่ต้องรอผลการชี้ขาดของคณะกรรมการสอบสวนที่กรมป่าไม้ตั้งขึ้นมา เท่ากับว่าการตัดสินใจของ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นการปลดชนวนร้อน ที่คนเสื้อแดงที่หยิบยกประเด็นนี้มาทิ่มแทงตลอดว่า พล.อ.สุรยุทธ์ มีอภิสิทธิ์เหนือกระบวนการยุติธรรม ทั้งที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบ ๆ เขายายเที่ยง ล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น