วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พระองค์คือพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย


พระองค์คือพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ไพศาลทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศไทยและปวงชนชาวไทยตลอดมานับตั้งแต่พระองค์เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติพระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยอย่างแน่วแน่ในการที่จะทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอุทิศพระชนม์ชีพเพื่อควา,เจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและเพื่อความสุขของประชาชนชาวไทยพระองค์ทรงใช้เวลาส่วนมากแต่ละปีเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมที่พระตำหนักตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศเพื่อทรงเยี่ยมเยือนประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรตามชนบท เพื่อพระองค์จะได้ทรงทราบถึงความทุกข์สุขและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ด้วยพระองค์ ์เองเมื่อประชาชนมีปัญหาในการประกอบอาชีพ เช่น พื้นที่มีน้ำท่วมในหน้าฝนหรือพื้นดินแห้ง แล้งในหน้าแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรหรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมตลอดปีทำให้ไม่มีที่ดินทำกินพื้นที่บางแห่งมีการตัดไม้ทำลายป่ามากเป็นการทำลายต้นน้ำลำธารทำให้ขาดน้ำเพื่อการเกษตรหรือทำให้เกิดดินถล่ม สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาของเกษตรกรที่จะต้องได้รับการแก้ไขพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลำบากตรากตรำเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกหนทุกแห่งในพื้นที่ทุรกันดารท่ามกลางแสงแดดหรือสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายเพื่อทรงหาทางช่วยเหลือ ประชาชนที่ยากจนได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโครงการช่วยเหลือของพระองค์หลายโครงการคือ โครงการตามพระราชประสงค์ โครงการหลวง โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์โครงการตามพระราชดำริและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


โครงการช่วยเหลือของพระองค์
๑. โครงการตามพระราชประสงค์ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการศึกษาทดลองปฏิบัติการพัฒนาด้านต่างๆ เมื่อได้ผลก็จะนำมาช่วยเหลือประชาชน
๒. โครงการหลวงเพื่อพัฒนาและบำรุงรักษาต้นน้ำลำธารในบริเวณป่าเขาทางภาคเหนือและพัฒนาชาวไทยภูเขาในพื้นที่ ให้เลิกตัดไม้ทำลายป่า เลิกปลูกพืชเสพติด ให้หันมา ปลูก พืชเมืองหนาวแทน ปรากฏว่าได้ผลดี สามารถนำผลผลิตออกมาขายได้
๓. โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์พระราชทานข้อแนะนำและแนวพระราชดำริให้เอกชนไปดำเนินการเช่น โครงการพัฒนาหมู่บ้านสหกรณ์เนินดินแดง อำเภอทับสะแก จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
๔. โครงการตามพระราชดำริเป็นโครงการที่ทรงวางแผนพัฒนาแล้วพระราชทานเป็นแนวทางให้รัฐบาลร่วมดำเนินการ
๕.โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นโครงการเช่นเดียวกับโครงการตามพระราชดำริ ทรงเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ขณะนี้มีกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ ซึ่งโครงการนี้มีหลายประเภทด้วยกันคือ การเกษตร สิ่งแวดล้อมการพัฒนาแหล่งน้ำการคมนาคม การศึกษา การส่งเสริมอาชีพ การสวัสดิการสังคมการ สาธารณสุข และอื่นๆ
การพัฒนาในสาขาต่างๆ นั้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่าการที่จะได้ผลอย่างสมบูรณ์ควรดำเนินการให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่นจึงได้มีพระราชดำริจัดตั้งศูนย์ศึกษาการ พัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมที่จะทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัยและแสวงหาแนวทางตลอดจนวิธีการพัฒนาด้านต่างๆ ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของแต่ละภูมิภาคปัจจุบันได้มีการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้ว ๖ ศูนย์ คือ
๑. ภาคเหนือ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัด เชียงใหม่
๒. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร
๓. ภาคกลางศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัด ฉะเชิงเทรา
๔. ภาคตะวันออกศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
๕. ภาคตะวันตกศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัด เพชรบุรี
๖. ภาคใต้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส
เรื่องศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ พระองค์ทรงมีพระราชาธิบายตอนหนึ่งว่า ".. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ เป็นที่รวบรวมกำลังทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ ทุกกรม กอง ทั้งในด้านการเกษตรหรือในด้านสังคมทั้งในด้านหางาน การส่งเสริมการศึกษามาอยู่ด้วยกันก็หมายความว่าประชาชน ซึ่งจะต้องใช้วิชาการทั้งหลายก็สามารถที่มาดู ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความอนุเคราะห์แก่ประชาชน ก็มาอยู่พร้อมกัน ในที่เดียวกัน ซึ่งเป็น ๒ ด้าน ก็หมายถึงว่าที่สำคัญปลายทาง คือประชาชน จะได้รับประโยชน์..."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น