วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วัยรุ่นติดเน็ตอันตราย..


อย่างที่เราทราบกันดีว่า “อินเตอร์เน็ต” นั้นเหมือนดาบสองคม สามารถให้ทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์แก่ผู้ที่ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้นั้นจะมีวิจารณญาณในการใช้ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าในช่วงของวัยรุ่นแล้วการใช้อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสียงที่จะสร้างปัญหาให้กับวัยรุ่นได้เมื่อเร็วๆ นี้ มีผลสำรวจจากประเทศออสเตรเลียออกมาว่า พ่อแม่ชาวออสเตรเลียนกำลังมีความเป็นห่วงลูกหลาน หลังจากมีข่าวเด็กวัยรุ่น "ฆ่าตัวตาย" เพราะถูกกลั่นแกล้ง รังแก ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือโทรศัพท์มือถือ
ข่าวเด็กหญิงชาวเมืองเมลเบิร์นวัย 14 ฆ่าตัวตาย และแม่ของเด็กหญิงกล่าวโทษว่าเป็นเพราะลูกสาวถูกคุกคามทางอินเตอร์เน็ต โดยก่อนจะเสียชีวิตลูกสาวได้เล่าให้เธอฟังว่ามี "ข้อความ" ที่เขียนถึงตัวเธอในทางเสียหาย และได้ไปโผล่ในอินเตอร์เน็ต ทำให้เธอเครียดมาก และอยากฆ่าตัวตาย กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ การข่มเหง รังแกผ่านโลกไซเบอร์ กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา และทำให้มีการสำรวจตามโรงเรียนต่างๆ ซึ่งจากผลสำรวจในเด็ก 200,000 คน พบว่ามีอยู่ 10% ที่บอกว่าเคยโดนรังแก รังควานแบบนี้มาแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวมีนักจิตวิทยาหลายคนได้ออกมาให้ความเห็นว่าเด็กๆ ผู้ตกเป็นเหยื่อมีแนวโน้มที่จะมีความเครียด วิตกกังวล และสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง อันนำไปสู่ความคิดอยากฆ่าตัวตาย
ส่วนเด็กและวัยรุ่นที่ตกเป็นเหยื่อเล่าว่า การกลั่นแกล้ง รวมทั้งข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับพวกเขา มันทำให้เขารู้สึกว่าถูกทำลายชื่อเสียง รู้สึกว่าอาจมีคนไม่ชอบพวกเขา โดยมันทำลายชีวิตเขาทั้งทางสังคม อารมณ์ จิตใจ
นอกจากนี้ในผลสำรวจยังกล่าวว่า หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่พบจากการสำรวจครั้งนี้ก็คือ เด็กๆ รู้สึกว่าผู้ใหญ่ไม่ได้มองปัญหาภัยคุกคามทางโลกอินเตอร์เน็ตอย่างซีเรียสจริงจัง
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นายกฯ แถลงขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ และร่วมกันผ่านวิกฤต



เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 21 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ แถลงที่ ศอฉ. ระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงวันที่ 19 พ.ค. จนถึงขณะนี้เหตุการณ์ที่ผานมาได้นำมาซึ่งความสูญเสีย ตน รัฐบาล และประชาชน รู้สึกเสียใจกับเหตุการร์ที่ร้ายแรงที่เกิดขึ้นแต่ขอขอคุณประชาชนที่สื่อสารแสดงความเข้าใจถึงความจำเป็นของรัฐบาลในการเข้าปฏิบัตการเพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้
"การปฏิบัตการทั้งหมดนั้น ผมขอขอบคุณหลายๆ ฝ่ายซึ่งได้อดทนเสียสละปฏิบัตหน้าที่อย่างเต็มที่ เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกคอง ท้องถิ่น เอกชน อาสาสมัคร กาชาด ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้สถานการณ์ลุล่วงมาถึงจุดนี้ หลายคนเอาชีวิตเข้าช่วยเสี่ยงภัย"
การตัดสินใจในปฏิบัตการคำนึถงสูงสุคือคุณค่าของชีวิตประชาชน สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้ภาวะประชาชนตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะประชาชนผู้บริสุทธ์ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสากล ถึงเวลาที่เราจะเข้าสู่การฟื้นฟูในแง่ตึกรามบ้านช่อง เราทำได้อยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือการฟื้นฟูจิตใจที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป ภาระกิจขณะนี้ จะแบ่งเป็นภาระกิจเฉพาะหน้าและภาระกิจหลังจากนั้น
สำหรับภาระกิจเฉพาะหน้า คือเร่งฟื้นฟูเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก่อการร้าย วินาศกรรม และวางเพลิง นอกจกานั้น ประชาชนจำนวนมากตกใจ หวั่นไหว ไม่ปลอดภัย ทาง ศอฉ.และรัฐบาลพยายามปรับรูปแบบการทำงาน โดยให้มีการบูรณาการ โดยให้ทหาร กทม. อาสาสมัครที่ะจคอยเป็นหูเป็นตาสอดสอ่งในช่วง 2-3 วัน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด
สำหรับมาตรการในระยะกลาง เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ เราก็จะเริ่มยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนกลับสู่ภาวะปกติตามลำดับ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมือง ขณะเดียวกันในแง่ของคดีกับผู้กระทำความผิดเราก็จะดำเนินการตรงไปตรงมา ต่อเนื่อง เด็ดขาด และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ในการฟื้นฟูประเทศและจิตใจในระยะยาว ก่อนหน้านี้ ตนเคยเสนอแผนปรองดอง 5 ข้อ แผนดังกล่าวยังเป็นเจตนารมรณ์สำคัญที่ยังยึดถืออยู่ แต่ส่วนที่จะเพิ่มคือการฟื้นฟูทั้งด้านจิตใจ สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง มาถึงขณะนี้กระบวนการปรองดองจะเน้นในการมีส่วนร่วมชองประชาชน ให้เกิดความสงบสุขและให้พี่น้องประชาชนเป็นหนึ่งเดียวปฏิบัตการที่ได้ทำมาทั้งหมด ได้ช่วยให้เราจัดการผู้กระทำผิดกฎหมาย กระทำไม่ดีต่อบ้านเมือง ประชาชนที่มีข้อเรียกร้องเป็นเรื่องแผนฟื้นฟูปรองดองเป็นเรื่องที่เราจะต้องช่วยเหลือจริง
"เราอยู่บ้านเดียวกัน บ้านเราได้รับความเสียหาย เราได้แยกแยะคนเผาบ้าน และจะต้องได้รับโทษ แต่ผู้ได้รับความเดือดร้อนอาจจะมีความคิดเห็นหลากหลาย แต่ผมขอเชิญชวนว่าอะไรที่เป็นเรื่องแตกต่างควรรับฟังกัน และลงแรงลงใจกัน กระบวนการนี้จะต้องเริ่มต้นนับแต่นาทีนี้ ได้เริ่มต้นกับภาครัฐ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไม่เฉพาะกับพี่น้องประชาชนคนไทย แต่ออกสู่ประชาคมโลก เพื่อให้ราบรื่นและรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของคนไทยทุกคน ขอบคุณอีกครั้งกับความร่วมมือที่พี่น้อประชาชนมีใหักับรัฐบาลและ ศอฉ.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

แตกตื่นติด"เคอร์ฟิว" แห่ซื้ออาหารเก็บตุน



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศอฉ.ประกาศเคอร์ฟิวในกทม.และหลายจังหวัดเมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค. ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 20 พ.ค. ปรากฏว่าช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ค. ที่ตลาดไท ตลาดรังสิต ตลาดสี่มุมเมือง ในเขตจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นตลาดกลางขนาดใหญ่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไปเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าโดยเฉพาะอาหารสดอาหารแห้งมากกว่าปกติ จากการสอบ ถามแม่ค้าในตลาดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกค้ามาซื้อเพื่อกักตุนไว้ เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์บ้านเมือง และมีประกาศเคอร์ฟิวไม่สามารถออกนอกบ้านได้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทั้ง เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี เกือบทุกสาขา ต่างก็มีประชาชนมาซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และอาหารกันอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะข้าวสาร ไข่ เนื้อสัตว์ และอาหารแห้งต่างๆนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากความไม่สงบของบ้านเมือง กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยหารือกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เตรียมสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ และกำชับไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคา จากการตรวจสอบยังไม่พบปัญหากักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า อย่างไม่เป็นธรรม แต่ยอมรับว่าร้านสะดวกซื้อในเขตพื้นที่การชุมนุมหรือใกล้เคียงอาจมีสินค้าบางชนิดไม่พอ เนื่องจากประชาชนซื้อมาเก็บตุนไว้ และมีปัญหาการขนส่งสินค้าเข้าไปเติม "ห้างร้านใดกักตุนสินค้า หรือฉวยโอกาสขึ้นราคา กรมการค้าภายในจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวและว่า ขณะนี้ยอดซื้อขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 30-40% ขอยืนยันว่าปริมาณสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ภายหลังศอฉ.ประกาศเคอร์ ฟิว พบว่ายอดขายสินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ข้าวสาร โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตามร้านค้าปลีกย่อยในกรุง เทพฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% มีประชาชนต่อแถวเพื่อขอซื้อสินค้า เนื่องจากร้านจำเป็นต้องปิด เร็วขึ้น"ประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงหลังเลิกงาน มีประชาชนจำนวนมากแห่มาต่อแถวซื้อสินค้าประเภทอาหารจำนวนมากตามร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านค้าสะดวกซื้อทั่วกรุงเทพฯ เพื่อตุนไว้รับประทานในช่วงที่ศอฉ.ประกาศห้ามออกจากบ้าน ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นกว่าวันปกติ 50% ผู้ประกอบการต้องซื้อสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายเพิ่มขึ้น 100% สำรองเป็นสต๊อกให้เพียงพอ" นายสมชายกล่าว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เผยพื้นที่ 32 จุดทั่วกรุงถูกไฟไหม้เสียหายยับ


โฆษกกทม.แถลง"เสื้อแดง"ก่อจลาจลเผา30จุดทั่วกรุง รถดับเพลิงเข้าไม่ได้เจอสกัด ประสานศอฉ.จัดเจ้าหน้าที่คุ้มกัน "โรงหนังสยาม"ถล่มแล้วหลังไฟลามเป็นวงกว้าง ดับเพลิงถอนกำลัง
กทม.เผยพื้นที่ 32 จุดทั่วกรุงถูกไฟไหม้ เสียหายยับ
เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 20 พ.ค. นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย สรุปเหตุการณ์เหตุเพลิงไหม้ จากการลอบวางเพลิงของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. จนถึงเช้าวันนี้ ว่า มี32 แห่งที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย แบ่งเป็น 5 ธนาคาร 17 สาขา ล่าสุด ธ.กสิกรไทยอนุสาวรีย์ชัย ฯ ธนาคารกรุงเทพ 10 จุด ,ธนาคารกรุงไทย 2 จุด , ธนาคารออมสิน 1 จุด ธนาคารกสิกรไทย 2 จุด , ธนาคารออมสิน 1 จุด และธนาคารนครหลวงไทย 2 จุด
นอกจากนี้ ยังมีโรงภาพยนตร์สยาม และอาคารในสยามซอย 4-5 อาคารสูง 8 ชั้นพังยุบลงมา / ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด / โรงแรมเซนทราแกรนด์ / การไฟฟ้านครหลวง สาขาคลองเตย / อาคารมาลีนนท์ / อาคารตลาดหลักทรัพย์ / ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน / อาคารมหาทุนพลาซ่า เพลินจิต / อาคารไม่มีชื่อข้างสำนักงาน ป . ป . ส ./ ร้านสะดวกซื้อ ตรงข้ามสำนักงาน ป . ป . ส . /. ร้านขายทอง บริเวณถนนพหลโยธิน ซอย 1/. ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ / โรงแรมแกรนด์ไดมอน พันทิพย์ และล่าสุด ที่บิ๊กซี ราชดำริ ไฟไหม้แต่เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ยากลำบาก
ห้างบิ๊กซี ราชดำริ ไม่รอด เจอวางเพลิงด้วย
ผู้สื่อข่าวายงานว่า เมื่อเวลา 02.50 น. วันที่ 20 พ.ค. มีรายงานข่าวว่า เกิดเหตุไฟไหม้ที่ห้างบิ๊กซี ราชดำริ ใกล้สี่แยกราชประสงค์ โดยไฟไหม้ตั้งแต่ชั้นแรกและลามขึ้นไปยังชั้น 2 ของห้าง การควบคุมเพลิงเป็นไปได้ยาก ช่วงแรกเจ้าหน้าที่ได้เพียงฉีดน้ำเลี้ยงไว้เท่านั้น เพราะตัวอาคารสูงพอๆ กับเซ็นทรัลเวิลด์ และมีโครงสร้างทึบ
ขณะที่ การทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังต้องมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพราะหวั่นเหตุร้ายจากผู้ไม่หวังดี
เวลา 20.50 น. วันที่ 19 พ.ค.ข่าวแจ้งว่า ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค บริเวณใกล้สามเหลี่ยมดินแดง โดยไฟได้โหมลุกขึ้นอย่างหนัก แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปสกัดเพลิงในจุดนี้ได้เช่นกัน สำหรับเหตุเพลิงไหม้ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น เบื้องต้น พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 เตรียมส่งกำลัง 2 หมวด ไปรักษาความปลอดภัยให้รถดับเพลิง ที่จะเข้าไปดับเพลิงในจุดดังกล่าวแล้ว และขณะนี้ มีความกังวลว่าอาจพังทลายลงมา เพราะเพลิงไหม้มานานหลายชั่วโมงแล้ว
โดยขณะนี้ชาวบ้านในหลายพื้นที่และอีกหลายจุดทั่วกรุงเทพ ต่างเครียดสุดขีดกับภาวะที่เกิดขึ้น เนื่องจากบางแห่งถูกตัดน้ำ ตัดไฟ และไม่มีอาหาร ทำให้บรรยากาศทั่วกรุงวิกฤตสุดขีด
เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงก่อเหตุเผาห้างเซ็นเตอร์วัน ซึ่งอยู่ฝั่งอนุสาวรีชัยสมรภูมิ โดยทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดับเพลิงได้ เนื่องจากมีการซุ่มยิงผู้เข้าไปในจุดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการลามไปเผาร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่ขายรอบๆด้วย ส่วนร้านสะดวกซื้อเซเว่นอิเลฟเว่นใกล้เคียงได้มีการบุกรุกเข้าไปพังข้าวของ รวมทั้งปล้นสะดมภายในด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มติแดงรับส.ว.เป็นตัวกลางเจรจารบ.


คมชัดลึก :มติเสื้อแดง รับส.ว.เป็นตัวกลางเจรจาไร้เงื่อนไข พร้อมรับกฎกติกาทุกอย่าง วอนให้รัฐบาลหยุดยิงหันหน้าปรองดอง ณัฐวุฒิ เรียกร้องให้อภิสิทธิ์คิดถึงสันติภาพแค่เสี้ยววินาที ยัน “วีระ” ยังอยู่ในกทม.ไม่หนีไปมาเลเซีย
(18พ.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.แถลงว่า เวลาผ่านไป 31 ชม.นับตั้งแต่เราเรียกร้องให้รัฐหยุดยิงและประกาศพร้อมเข้าสู่กระบวนการเจรจา แต่ปรากฎว่าเวลา 31 ชม.ที่ผ่านมากลายเป็น 31 ชม.แห่งความสูญเสีย และไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ขณะนี้พบว่าหากนับการชุมนุมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ 67 วัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 66 ราย เฉลี่ยเกือบ 1 วันต่อ 1 ชีวิต หากรัฐบาลไม่ตอบรับมาตรการหยุดยิงประเทศไทยอาจจะต้องจารึกว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 1 วันมากกว่า 1 ชีวิต “ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ที่ได้อำนาจจากระบอบอำมาตย์ให้คืนอำนาจให้ประชาชนจะมีประ ชาชนนอนตายกลางถนนมากมายถึงเพียงนี้ จนถึงขณะนี้ฉายานายกฯ100 ศพของนายอภิสิทธิ์มิใช่เรื่องกล่าวหาทางการเมืองอีกต่อไป ผมขอเรียกร้องอีกครั้งว่า ให้นายอภิสิทธิ์ประกาศสั่งการให้ทหารหยุดยิงและถอนกำลังกลับที่ตั้งโดยทันที ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
กรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯออกมาพูดนั้น คงเข้าใจสิ่งที่ผมพูดคลาดเคลื่อนไป ดังนั้นต้องมาวิเคราะห์ว่าเข้าใจผิดหรือเจตนาเข้าใจผิด เพราะปัญหาความรุนแรงเวลานี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่เวทีนี้ แต่เกิดจากมาตรการกระชับพื้นที่เอาทหารมาตั้งด่านสกัด ทำให้ประชาชนต้องการมาชุมนุมเข้ามาไม่ได้ ก็เลยเกิดการเผชิญหน้าและเกิดความรุนแรง ฝ่ายรัฐอาจจะบอกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายหรือชายชุดดำ จะอะไรก็ตามแต่ข้อเท็จจริงมีคนตายเกือบ 40 รายแล้วและทุกคนนอนตายมือเปล่าไม่มีอาวุธมีทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์และคนเสื้อแดง
นายณัฐวุฒิ กล่าวย้ำว่าหากรัฐบาลสั่งหยุดยิงตนจะบอกให้พี่น้องแต่ละจุดมารวมกันที่นี่ แต่การที่นายกอร์ปศักดิ์ระบุว่าตนจะเรียกประชาชนกลับมาก็ต่อเมื่อมีการหยุดยิงและถอนกำลังจึง เท่ากับว่าตนส่งกองกำลังออกไปปะทะกับทหารนั้นขอเรียนว่า การพูดดังกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่ข้อเท็จจริงคือตนไม่สามารถเรียกประชาชนอยู่ข้างนอกเข้ามาข้างในได้ เพราะท่านขวางเอาไว้ ทำให้เกิดเหตุแบบนี้ และตนส่งคนไปรับก็ไม่ได้ เพราะท่านขวางเอาไว้เช่นกัน
เลขาธิการ นปช.กล่าวด้วยว่า ตนได้รับหมายเลขโทรศัพท์ของนายกอร์ปศักดิ์จากบุคคลข้างนอกที่ปรารถนาดีอยากให้มีการเจรจาตนก็โทร.ไปแต่จะบอกว่าตนพูดเท็จไม่เป็นไร แต่สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครโทร.ไปแต่สาระคือรัฐบาลพร้อมจะสั่งหยุดยิงหรือไม่ ถามว่ามันผิดมากไหมที่ตนห่วงใยความปลอดภัยประชาชนแล้วโทร.ไปหาคนในรัฐบาลให้สั่งหยุดยิงหากมีการยิงอีกตนก็จะโทร.ไปหาอีก
“ผมรู้สึกตกใจและวิตกกังวลอย่างยิ่ง ผมเห็นว่าเราต้องเร่งเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในทันทีเพราะมีข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ว่าที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในวอร์รูมประเมินว่าสูญเสียเท่านี้เล็กน้อยรับได้ เพราะประเมินว่าอย่างน้อยต้อง 500 ศพขอภาวนาอย่าให้เป็นจริง ผมรู้สึกตกใจเพราะหากสมาชิกพรรคการเมืองคุยกันแบบนี้บ้านเมืองนี้จะอยู่กันอย่างไร หมายความว่าพรรคประชาธิปตย์เร่งทำเป้าให้เข้ายอดใช่หรือไม่ จะให้เป้า 200 ก่อนถึงจะพิจารณาสั่งให้หยุดยิงใช่หรือไม่ หากเป็นจริงขอประณามว่านี่ไม่ใช่การสนทนาของมนุษย์ที่เป็นตัวแทนของประชาชน”นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่าจริงเท็จอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ต้องอธิบาย
เรายังคนเดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดยิงต่อเนื่องเรายังหวังแค่เสี้ยววินาทีที่นายอภิสิทธิ์จะฟังข้อเรียกร้องจากเรา เราต้องการหนึ่งวินาทีเท่านั้น ในเมื่อส.ว.นำโดยนายประสพสุข บุญเดช ประธาน ส.ว.พร้อมเป็นแกนนำในการเจรจาครั้งนี้ นปช.แดงทั้งแผ่นดินจึงขอตอบรับข้อเสนอของส.ว.นำโดยนายประสพสุข ที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจา หากเห็นว่าดำเนินการอย่างไร มีกฎกติกาแบบใด ขอให้ดำเนินการได้ทันที เราพร้อมเข้าสู่กระบวนการได้นับจากบัดนี้เป็นต้นไป ตนหวังใจว่าหลังแถลงข่าว ประธาน ส.ว.และสมาชิกที่เข้าชื่อแสดงตัวจะมีมาตรการเคลื่อนไหวต่อไป เพราะเราไม่มั่นใจว่าเสียงเรียกร้องสันติภาพจากเราจะมีผลขับเคลื่อนหัวใจนายอภิสิทธิ์ได้ อยากฝากไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าถ้าสิ่งที่ท่านทำอธิบายว่าคือชัยชนะตนบอกว่าไม่มีทางที่ใครจะชนะจากการฆ่าประชาชน หากผู้นำทางการเมืองจะประสบชัยขนะทางการเมืองเขาต้องชนะใจประชาชนเท่านั้น หากไม่ชนะใจประชาชนก็ไม่มีทางจะชนะอื่นใดได้ และชัยชนะไม่มีทางเกิดจากการฆ่าอย่างแน่นอน
“แกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดินเห็นตรงกันว่า ตั้งแต่วันนี้เราจะเริ่มการไว้ทุกข์ด้วยการติดปลอกแขนดำเพื่อแสดงการไว้ทุกข์ประชาชนที่สูญเสียและเสี่ยงที่จะสูญเสียต่อไป และจะเป็นเครื่องเตือนใจว่าประเทศไทยกำลังจมอยู่กับความทุกข์และยากจะถอนตัวได้หากไม่สั่งหยุดยิงและขอชวนพี่น้องเสื้อแดง พี่น้องทั้งประเทศและไม่มีสีเสื้อ ได้ติดผ้าสีดำ แสดงการไว้ทุกข์พร้อกัน อาจจะเป็นปลอกแขนหรือผ้าชิ้นเล็กก็ได้ สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณชุมนุมจะให้เจ้าหน้าที่หาผ้ามาแจกจะได้ไว้ทุกข์ร่วมกัน จนกว่าจะมีคำสั่งหยุดยิงและถอนกำลังทหารออกไป”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวยืนยันว่า นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานนปช.ไม่ได้หนีไปต่างประเทศไม่ว่าอังกฤษหรือมาเลเซียตามที่เป็นข่าว โดยนายวีระยังอยู่ในประเทศไทยและกำลังทำหน้าที่ของท่านอยู่ โดยได้มีการประสานงานกับแกนนำ นปช.อยู่ตลอด ทั้งนี้การ์ดนปช.ได้จับคนเผาธนาคารกรุงเทพฯส่งตำรวจหากเราทำเองจะจับส่งตำรวจทำไม และหากจะสร้างสถานการณ์ก็ต้องยิ่งใส่แบ็งค์กรุงเทพฯซีพี.ที่ทำการนปช.ต่างจังหวัดทำไมหากอธิบายว่านปช.ทำ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การปล้นเซเว่นฯที่อ้างว่าเป็นหน่วยการ์ดของนปช.แล้ววางตีนตบเอาไว้ อยากถามว่าที่นี่อดอยากปากแห้งแล้วใช่หรือไม่ หากมีพฤติกรรมดังกล่าวในคนเสิ้อแดงไม่ปล้นตั้งแต่วันแรก ๆ แต่อยู่นี่เดือนกว่าแล้วทำไมไม่ปล้นเกษรพลาซ่า เซ็นทรัลเวิลด์ ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนพิจารณาหน่วยการ์ดของเราใครพกตีนตบบ้าง
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ขอประณามกรณีศอฉ.นำภาพเด็กอยู่บนบางรถยนต์มาแถลงแล้วระบุว่า นปช.ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ตนอยากบอกว่า ศอฉ.นั่นแหละที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ขอเรียนว่า การจะนำเด็กไปด้วยเป็นสิทธิของผู้ปกครองที่จะพิจารณาเอง ไม่ใช่มติร่วมของผู้ชุมนุมในการนำเด็กมากระทำการดังกล่าวแต่เป็นดุลยพินิจของผู้ปกครองในการสร้างความบันเทิงเริงใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับเด็ก แต่เราไม่เห็นด้วยที่ทำอย่างนั้น นอกจากนี้ ขอประณามเรื่องรถน้ำมันที่ระบุว่า เป็นคนเสื้อแดงไปขับมา ขอถามว่า ใครจะบ้าเลือดฝ่ากระสุนเอ็ม 16 ไปเอารถคันดังกล่าวออกมาขับ อีกทั้งรถน้ำมันจอดอยู่กึ่งกลางระหว่างนปช.และทหาร ซึ่งห่างจากแนวประชาชนมาก
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กทม.วิปโยคตรงตามโหรดัง

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุการณ์จลาจลนองเลือดในขณะนี้สอดคล้องกับคำทำนายของนายโสรัจจะ นวลอยู่ นักพยากรณ์ชื่อดัง เมื่อครั้งทำนายดวงเมือง 2553 ระบุไว้ในหนังสือศาสตร์แห่งโหร 2553 โดยสำนักพิมพ์มติชนที่ว่า เดือนเมษายน ดาวแห่งไทยสยามโคจรทำมุมฉากกับดาวบาปเคราะห์ที่ทำมุมจตุโกณ รัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญใหญ่หลวง แตกความสามัคคี มือที่ 3 จะยุงยงให้เกิดการสไตรก์ การหยุดงานประท้วงเรียกร้อง สร้างความปั่นป่วน เกิดปฏิวัติรัฐประ หารครั้งใหญ่ เลือดนองไปทั่วแผ่นดินทั้งนี้ภายหลังเหตุการณ์ปราบม็อบนปช. 10 เม.ย.ที่ผ่านมา นายโสรัจให้สัมภาษณ์"ข่าวสด"ลงตีพิมพ์ฉบับวันที่ 20 เม.ย. ระบุว่า ชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศต่างๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร ยึดอำนาจ คว่ำกระดาน บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง เลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางไปสู่การปฏิวัติรัฐ ประหารครั้งใหญ่อีกครั้ง จุดจบของประเทศจะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ว และบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้คุณธรรมอย่างทุกวันนี้ พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน"เกิดการจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา เหตุการณ์รบนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เป็นการรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯมา" นายโสรัจระบุนักพยากรณ์ชื่อดังระบุต่อว่า ในเดือนมิ.ย.นี้ครึ่งแรกของเดือนอาจมีเรื่องดีเกิดขึ้น แต่เลยกลางเดือนไปแล้ว บุคคลสำคัญจะเดินทางออกนอกประเทศ หรือเจ็บป่วย เป็นสุดหฤโหดวิปโยคอย่างแท้จริง รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญกับหน่วยของรัฐ และรัฐวิสาหกิจต่างๆ จะก่อหวอด เกิดความวุ่นวายโกลาหล การเมืองไทยอาจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจมีผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ในเดือนพ.ย.เป็นเดือนหฤโหดวิปโยคอย่างแท้จริง หุ้นตกอย่างรุนแรง การประท้วงลุกลาม เกิดการจลาจล เผาทำลายสถานที่สำคัญ รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เกิดการปฏิวัติรัฐประหารเสียเลือดเนื้ออีกครั้ง
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

9 วิธีคลายเครียด

9 วิธีคลายเครียด จากบทความของ รศ.ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม
เทคนิคแรก คุณหมอแนะนำว่า ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เนื่องจากเวลาคนเราเครียดมากๆ กล้ามเนื้อจะมีการหดตัว สังเกตเห็นได้จากการที่มีอาการอากัปกิริยาต่างๆ ในขณะที่มีความเครียดเช่น หน้านิ่วคิ้วขมวด กำหมัด หรือกัดฟัน เป็นต้น
เริ่มจากนั่งในท่าที่สบาย ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ถอดรองเท้า หลับตา ทำใจให้ว่าง ตั้งสมาธิอยู่ที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ที่ต้องการผ่อนคลาย จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนคือ

1. กำมือและเกร็งแขนแล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยค่อยๆ คลายมือและกล้ามเนื้อแขนสลับทีละข้างทั้งซ้ายและขวา
2. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าผาก โดยเลิกคิ้วแล้วคลายหรือขมวดคิ้วและคลาย
3. เกร็งและผ่อนคลาย ตา แก้ม จมูกโดยหลับตาแน่น ย่นจมูกแล้วคลาย
4. เกร็งและผ่อนคลายขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟันใช้ลิ้นดันเพดานปากแล้วคลาย หรือเม้นปากแน่นแล้วคลาย
5. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ โดยก้มหน้าให้คางจดคอแล้วคลาย เงยหน้าจนสุดแล้วคลาย
6. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก ไหล่ และหลังโดยหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้แล้วคลายหรือยกไหล่สูงแล้วคลาย
7. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและก้น โดยแขม่วท้องแล้วคลาย หรือขมิบก้นแล้วคลาย
8. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณเท้าและขาขวา โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย หรือเหยียดขากระดกปลายเท้าแล้วคลาย
9. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณเท้าและขาซ้าย โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย หรือเหยียดขากระดกปลายเท้าแล้วคลาย
ขณะที่มีการเกร็งกล้ามเนื้อให้ใช้เวลาน้อยกว่าระยะเวลาที่ผ่อนคลาย เช่นเกร็ง 3-5 วินาที แล้วผ่อนคลาย 10-15 วินาที เป็นต้น ควรฝึกท่าละประมาณ 8-12 ครั้ง
วิธีลดความเครียดที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่ง คือการฝึกหายใจ คุณหมอแนะนำให้หายใจช้าๆ ลึกๆ โดยใช้กล้ามเนื้อกะบังลมบริเวณท้องจะช่วยให้อากาศเข้าสู่ปอดมากขึ้น เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด สมองแจ่มใส และทำให้รู้สึกว่าได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปจากตัว ที่สำคัญคือสามารถคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"น้องมิค"นศ.ม.กรุงเทพ คว้ามิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2010


สาวงามผู้คว้าตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ฯ ไปครอง ได้แก่ หมายเลข 26 ณณลดา ธรรมธนาคร นักศึกษาปริญญาตรี ม.กรุงเทพ ปี 3 สาขาโฆษณา
โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา ถนนพัทยาสาย 2 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อม รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ร่วมเป็นประธานจัดการประกวด มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2010 (Miss Tiffany’s Universe 2010) ปีนี้เป็นปีที่ 13 โดยมีผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายรวมทั้งสิ้นจำนวน 28 คน เข้าร่วมชิงชัยมงกุฎแห่งความฝัน เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เข้าร่วมท่ามกลางสื่อมวลชนแขนงต่างๆ จำนวนมาก
สำหรับ
การประกวด มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2010 ในช่วงแรกพบผู้เข้าประกวดอยู่ในชุดราตรี สลับด้วย การแสดง แสง สี เสียงอันตระการตาของ ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา จากนั้นคัดเลือกสาวงามผู้คว้าตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ฯ ไปครอง ได้แก่ หมายเลข 26 คือ คุณณลดา ธรรมธนาคร หรือน้องมิค อายุ 19 ปี ชาวกทม. นักศึกษาปริญญาตรี ม.กรุงเทพ ปี 3 สาขาโฆษณา ได้รับเงินรางวัลจำนวน 1 แสนบาท รถยนต์ ฮอนด้า แจส 1 คัน พร้อมสายสะพาย และถ้วยรางวัล และรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 1 คือ คุณชัญญา เด่นฟ้านภาพล หรือน้องแบงค์ อายุ 21 ปี ชาวกทม. ได้รับเงินรางวัล 8 หมื่นบาท พร้อมสายสะพายและถ้วยรางวัล และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หมายเลข 8 คือ คุณน้ำเพชร ประสพโชค หรือ น้องนาเดีย อายุ 21 ปี นักศึกษาปริญญาตรี ม.กรุงเทพ รับเงินรางวัล 5 หมื่นบาท พร้อมสายสะพายและถ้วยรางวัล และ รางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ได้แก่หมายเลข 29 คือ คุณทรงสุดา ทรงกฤษตากร หรือน้องแก้ว อายุ 21 ปี รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมสายสะพายและถ้วยรางวัล

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ใครว่ามีแต่โทษ ดื่มเบียร์ก็มีประโยชน์ได้นะ

ปกติแล้วจะได้ยินแต่โทษของการดื่มเบียร์ แต่วันนี้เกร็ดความรู้มีประโยชน์ของการดื่มเบียร์มาฝากกัน...
ประโยชน์ด้านหัวใจ : จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยอีโมรี พบว่าผู้หญิงและผู้ชายสูงอายุจำนวน 2,200 คนที่ดื่มเบียร์วันละ 1.5 แก้วต่อวัน มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลวลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เพราะว่าเบียร์ช่วยสูบฉีดโลหิต ทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง และขจัดไขมันที่เกาะอยู่ตามหลอดเลือดออกไป
ประโยชน์ด้านสมอง : นักวิทยาศาสตร์ในบอสตัน พบว่า คนที่ดื่มเบียร์ตั้งแต่ 1-6 แก้วต่อสัปดาห์ จนถึง 7-14 แก้วต่อสัปดาห์จะเกิดอาการชักได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลย เพราะว่าเบียร์ช่วยลดขนาดเม็ดเลือด และช่วยให้เลือดไม่ไปคั่งอยู่ที่สมองได้
ประโยชน์ด้านจิตใจ : การดื่มเบียร์ช่วยลดความเครียดได้ ช่วยให้ผ่อนคลาย หายกังวล แก้อาการอาย ทำให้อารมณ์ดี เป็นการป้องกันโรคซึมเศร้าไปในตัว
ประโยชน์ด้านอื่น ๆ : เบียร์มีสารอาหารสำคัญอยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน วิตามิน B ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม และธาตุเหล็ก เพราะมันทำมาจากยอดอ่อนของข้าวเอาไปหมักกับยีสต์ ใครที่ดื่มเบียร์จึงไม่ขาดสารอาหารที่จำเป็น
รู้อย่างนี้แล้ว ก็หันมาดื่นเบียร์กันดีกว่า แต่ก็ต้องไม่ดื่มมากจนเกินไป เพราะประโยชน์อาจจะกลายเป็นโทษได้

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ลดเคราะห์ บรรเทา "กรรม"

สิทธิการิยะ พระอาจาริยเจ้าได้ถ่ายทอดธรรมวิ๔เพื่อโปรดสัตว์ให้มีสุข พ้นทุกข์พอสรุปได้ความดังนี้
เรื่องบุญเรื่องบาปกรรมกำหนดที่พุทธศาสนา กล่าวไว้เป็นเรื่องจริง เพราะถ้าไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว มนุษย์เราต้องเกิดมาเหมือนกันหมด แต่เพราะมีบุญมีบาป จึงเป็นเช่นนั้น มีดี, ชั่ว, สุข, ทุกข์, รวย, จน, มีโชค, มีเคราะห์ ฯลฯ
ดังอธิบายในเบื้องต้นว่าสุข ทุกข์ เกิดจากบุญ บาป กรรมดี กรรมชั่ว ดังนั้นการที่จะหลีกพ้นจากทุกข์โทษเวรภัยเคราะห์ร้ายทั้งหลาย ก็ด้วยพลังของความดีที่ตนเองได้สร้างเป็นหลักแล้ว ยังสามารถพึ่งพระรัตนตรัย ตลอดจน เทวฤทธิ์ รวมพลังบุญศักดิ์เป็นแสงสว่างแก่ชีวิทเป็นย่อเกิดความปห่งความดีงามของตนและคนอื่น
แก้ววิเศษ มี่ค่ามหาศาลประมาณค่ามิได้ เป็นที่พึ่งได้จริง คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงให้ตั้งนะโม นมัสการบูชาพระ ถึงไตรสรณคมณ์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สัฃฆัง สะระณัง คัจฉามิ หางศรัทธามั่งคงย่อมเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นแก้วสูงสุดในสามโลก
ศีลรักษาให้มีกายวาจาเป็นปรกติ ศีลล่งผลให้เกิดในที่สุขติ เทวดารักษา ไม่ไปในทางเสื่อม บางท่านบอกว่าศีลรักษายาก แต่จริงๆแล้ว ทุกท่านสามารถรักษาได้ อย่างน้อยข้อไดข้อหนึ่งก็ยังดี บางท่านมีปัญญา ก่อนนอนรักษาศีล8 ตื่นนอนรักษาศีล5 อย่างน้อยก็มีกำไรเพราะตอนนอนย่อมรักษาศีลได้อย่างแน่นอน ช่วยชำระกิเลสให้เบาบางลง ปละเป็นบุญสำคัญที่จะรองรับความดีนังให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป
ทานส่งผลให้มีทรัพย์ ทานมีหลายระดับแตกต่างกัน ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ พระอริยะเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระ พุทธเจ้า ย่อมมีอนิสงค์แตกต่างกันไปจนถึงสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน และ จนถึงที่สุดคือ อภัยทาน ถ้าบำเพ็ญอยู่เสมอย่อมยังผลให้เกิดความคล่องตัว ทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ คือ หาถาชนะอันสมควรตั้งในที่บูชา แล้วนำเงินไปใส่ไว้ในภาชนะนั้น สวดมนต์ใหว้พระ เจริญพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า สะสมไว้จนเต็มหรือมีโอกาศก็นำไปทำบุญ ทำทุกวันเห็นผลทั้งทางโลกและทางธรรม (พระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระคาถาอื่นๆจะนำลงในเว็บภายหลัง)
การเจริญภาวณาก็เป็นบุญกุศลมหาศาล เพราะสามารถปราบกิเลสได้หลายตัว ตั่งแต่เริ่มตั้งตาการสวดมนต์สามารถบำเพ็ญได้ครบทั้งกาย วาจา ใจ เช่น กายพนมมือ นอบน้อม ปากสวดมนต์สรรเสริญคุณพระ ใจระลึกถึงคุณพระ ผุ้ที่สวดด้วยความเคารพตั้งใจเลื่อมใส ยังให้มีบุญประมาณมิได้ ทั้งยังเกิดสวัสดิมงคล
ผู้ที่ฆ่าสัตว์ใหญ่ ฆ่ามนุษย์ โดยเฉพาะทำแท้ง เป็นบาปก่อให้เกิดทุกข์อุปสรรคทั้งหลายในชีวิตนานา ประการ ให้ทำบุญด้วยพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้วขึ้นไป ผ้าขาว หรือไตรจีวรไร้อมอาหารถวายเป็นสังฆทาน อนิษฐานขอบุญพระพุทธเจ้า บุญศักดิ์สิทธิ์ นำพาดวงจิตไปวิมานบุญ ขออโหสิกรรมนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้มีความสุขด้วยพุทธบารมีธรรม (หรืออาจจะสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้ว อนิษฐานเป็นพระพุทธรูปบูชาอโหสิกรรมพิเศษของเราโดยเชิญดวงจิตของบุตรมาเป็นเทพรักษาประจำองค์พระ ทำการอัญเชิญด้วยการสวดพุทธคุณและพระคาถาต่างๆ ขอบุญพรพุทธเจ้าส่องนำทางขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน) หมั่นสวดมนต์แพร่เมตตามากๆเพื่อชำระให้จิตใจให้ใสสะอาด
ผู้ที่เบียดเบียนฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต มีผลให้เกิดโรคถัยไข้เจ็บอายุสั้น ควรทำบุญด้วยการช่วยชีวิตสัตว์อนิษฐานแพร่เมตตาอโหสิกรรม ทำบุญด้วยยารักษาโรค หรือ ทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์ หรือ ด้านการแพทย์ บำรุงพระเณรปฏิบัติ ผู้อาพาธ เจ็บป่วย
ผู้ที่สมบัติฉิบหายด้วยเหตุต่างๆ จงทำใจอย่าเสียดายกับทรัพย์นั้นๆ ทำใจให้เป็นบุญมาแทนที่ให้ อนิษฐานสมบัติทั้งหลายที่สูญไปทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ขอพิจารณาบูชาแก่พระไตรลักษณะญาณ พระ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอสมบัติทั้งหลายทั้งทางโลก ทางธรรมหลั่งไหลเข้ามาเป็นหมื่นเท่าทวีคูณ และควรให้ทานตามโอกาส
บางท่านที่เป็นหนี้สงฆ์ หนี้สินทรัพย์ หนี้สิน หนี้เวรหนี้กรรม กับผู้หนึ่งผู้ได ทั้งชาติก่อน ชาตินี้ ให้อนิษฐานสร้างพระชำระหนี้ ถวายในพระศาสนา อาจจะเป็นพระพุทธรูปตั้งแต่ 5 นิ้วขึ้นไปจนถึง 4 ศอกหรือ มากกว่านั้น อนิษฐานชำระหนี้ และปิดทองคำแท้ที่องค์พระ ตั้งแต่ 3 แผ่นขึ้นไปหรือทั้งองค์ก็ยิ่งดี พร้อมปัจจัยศรัทธา เขียนหน้าซองถวายชำระหนี้สงฆ์ หนี้สินทรัพย์ หนี้สิน หนี้เวรหนี้กรรม ขอให้หมดหนี้มีสินด้วยพระพุทธรัตนไตร เป็นแก้ววิเศษประมาณมิได้
ทุกข์เพราะความรัก เพราะเคยทำชั่วเรื่องความรักไว้ ให้ตั้งใจรักษาศีลถือบวชแล้วเจริญปัญญาให้มากๆ ความรักไม่ได้ทำให้ผู้ไดทุกข์ แต่ ทุกข์เพราะการยึดติด ไม่ปล่อยวางปรารถณาที่จะครอบครองจึงเป็นทุกข์ ดังนั้นจึงควรรู้จักให้รู้จักรักโดยไม่หวังผลตอบแทน และที่สำคัญจงรักตนเองให้มากๆ ทำชีวิตให้มีคุณค่าเพื่อตนเองและคนที่เรา
ทุกข์เรื่องคู่ครอง ให้พิจรณาว่าอาจจะมีหนี้เวรหนี้กรรม ต้องชดใช้ ให้จุดเทียน 1 คู่ ธูป 5 ดอก ดอกไม้5สี (ถ้าเป็นดอกกุหลาบได้ก็ดี) อนิษฐานบูชาพระ หากแม้นมีหนี้เวรหนี้กรรม ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน น้อมจิตระลึกถึงบุญกุศลทีเคยสร้างร่วมกันชักนำดวงจิตให้คิดดีต่อกัน แล้วแผ่เมตตาให้มากมาก ย่อมเกิดผลดี ตลอดทั้งให้พิจารณา สิ่งที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน อะไรควรไม่ควร แก้ไขตามเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ต้องแก้ด้วยสติปัญญา
ผู้ถูกหลวงลวง เพราะเคยทำกรรมชั่วทางวาจา ให้ตั้งใจรักษาสัจจะในสิ่งที่ดีงามเรื่องไดเรื่องหนึ่งเช่นตั้งสัจจะว่าจะสวดมนต์ทุกวันก็ทำให้ได้ พูดแต่สิ่งที่ดีงาม๑ผู้สติไม่ดี อาจจะเพราะกรรมชั่วในสิ่งที่มึนเมา จึงให้งดของมึนเมาทั้งหลายเพื่อสร้างสติ อนิษฐานว่าจะดื่มใจจะสูบให้น้อยลงและเลิกละ หากทำได้ก็ชนะตัวเอง๑ผู้เลี้ยงลูกหลานไม่ได้ดีควรสั่งสมกตัญญูกตเวทิตาธรรม อธิษฐานขอพร พระแจกหนังสือธรรมะ เพื่อสั่งสอนคนให้เป็นคนดี ควรป้อนข้อมูลดีๆ ไม่ควรแช่งด่าลูกหลาน ถ้าใครแช่งด่าไว้มากมากควรสวดมนต์ ขอถอนคำแช่งด่า เปลี่ยนคำอธิษฐานในทางที่ผิดเป็นในทางที่ดี
บางท่านที่อยู่อาศัยเป็นทุกข์ ก็ให้ตั้งขันน้ำที่หน้าพระเจริญพระพุทธมนต์ต่างๆ จุดเทียนทำน้ำมนต์ เวลาดับเทียนก็ขอให้ดับความทุกข์เร่าร้อนทั้งหลาย และแพร่เมตตาพรหมวิหาร อุทิศบุญกุศลให้กับระภูมิเจ้าที่ เทวดา สรรพชีวิตทั้งหลาย อนิษฐานขอน้ำพุทธบารมีไปประพรมให้ทั่วบริเวณบ้าน ขอบันดาลให้สิ่งที่ร้ายกลายเป็นดี
บางท่านอายุถึงเบญจเพศดวงไม่ดี เนื่องจากสาเหตุไดๆก็ตามไม่ว่า ราหูเข้า พระเสาร์แทรง เราอาจจะทำพอธีบูชารับส่งรวมกันทุกพระองค์พร้อมกันทีเดียวก็ได้ โดยหาเทียนใหญ่พอประมาณ ปิดทองคำแท้ อนิษฐานเป็นเทียนเสริมดวงเสริมสิริมงคล ดวงชะตาชีวิต ให้แต่งดอกไม้ธูปเทียนภาวนา สวดอิติปิโสนพเคราะห์ เต็มสูตร บูชาเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาดวง ขอให้กลับร้ายกลายเป็นดี ที่ดีแล้วก็ให้ดียิ่งขึ้นไป อาจสวดมนต์พระคาถาต่างจนหมดเล่ม หรือ นั่งสมาธิต่อด้วยก็ยิ่งดี
กิจการค้าขายไม่ประสบสำเร็จ ให้พิจารณาแก้ไขตามเหตุอันสมควร หรือจะใช้วิธีช่วย คือ ธูปอนิษฐาน ให้เอาธูปที่ใช้ทั้งห่อมาทำพิธีสวดอิติปิโสนพเคราะห์และพระคาถาต่างๆ แล้วอนิษฐานขอให้เป็นธูปสารพัดดี เวลาใช้ให้จุดปักกลางแจ้งโดยใช้จำนวนตามกำลังวัน และสวดคาถาบูชาประจำวัน ตามด้วยพระคาถาอื่นๆขอในสิ่งที่ดีงาม ธูปนี้สามารถใช้บูชาพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นอย่างดี (ดูหัวข้อ ทานส่งผลให้มีทรัพย์ ประกอบ)
บางท่านมีคนทักว่ามีองค์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษา ไปรับขันธ์รับพานมาปรากฏว่าไม่ดีขึ้น แย่ลงกว่าเดิม หรือถูกหลอกลวง ให้เสียเงินเสียทองอันนี้ให้พิจารณาให้ดี มีอีกวิธีหนึ่งให้จัดธูป 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ดอกบัว 5 ดอก (ดอกอะไรก็ได้ที่หาได้) ตั้งขันธ์บูชาถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาตน องค์ครูบาอาจารย์ทั้ง 108 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์เป็นมิ่งเคารพ ให้ตั้งขันธ์ 5 นี้ในวันดี เช่น วันพฤหัสบดี โดยตั้งชุมนุมเทวดา สมาทานศีล สวดมนต์บูชา และแพร่เมตตา๑การกินมังสวิรัติ การงดเว้นเนื้อสัตว์นอกจากให้ใจเบากายเบา ย่อมช่วยปริมาณการฆ่าสัตว์ได้ ร่างกายสะอาด เทวดาย่อมรักษา ให้พิจารณาเป็นเพียงธาตุ แพร่เมตตา เพื่อไม่ให้เป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน
ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนนอนอย่างสวดมนต์ภาวนา แพร่เมตตา จะยังผลให้จิตใจสบายให้นอนหลับสนิท
ผู้ที่นอนผันร้าย แก้ด้วยพระคาถา ดังนี้ ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญ จะโยขามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตังพุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯฯ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ให้เลือกใช้ตามโอกาส ย้อมสะเดาะเคราะห์ เสริมบารมี มงคลชีวิตได้ ทุกสิ่งในโลกเป็นอนิจจังทั้งหมด อย่ามองแต่ภายนอกให้มองภายในใจของเราบ้าง พระท่านว่าการให้ธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง มีอานิสงค์สูงสุด การสร้างหนังสือธรรมทุก1ตัวอักษรเปรียบเสมือนการสร้างพระ 1องค์ ย่อมมีเทวดามารักษา กำจัดโรคเวรโรคกรรม บรรเทาหนี้กรรมได้ทำให้เจริญรุ่งเรื่อง อธิษฐานในทางชอบธรรม จะสำเร็จสมปรารถนา

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ที่มาของชื่อเดือน ทั้ง 12 เดือน


ที่มาของชื่อเดือน ทั้ง 12 เดือน...สมัยก่อนปีหนึ่งๆ มี 355 วัน แต่มีแค่ 10 เดือน
March หรือ มีนาคม เป็นเดือนแรกของปี ก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งคำว่า March นั้นมี ที่มาจากชื่อของเทพเจ้าแห่งสงครามที่ชื่อว่า Mars เนื่องจากว่าชาวโรมันน่ะทำสงคราม กันบ่อยนั่นเอง
April หรือ เมษายน มาจากภาษาละตินที่มีความหมายว่า "เปิดรับ" เนื่องจากผลผลิตที่หว่านไปในช่วงเดือนมีนาคมจะมาได้ผลเดือนนี้
May หรือ พฤษภาคม มาจากชื่อของเทพเจ้าแห่งการเจริญเติบโต ที่มีชื่อว่า Maia เพราะพวกโรมันเชื่อว่า Maia จะช่วยคุ้มครองพืชพันธุ์ ให้เติบโตอุดมสมบูรณ์ดี
June หรือ มิถุนายม เป็นชื่อที่ตั้งเป็นเกียรติแก่เทพเจ้า Juno ราชินีแห่งสรวงสวรรค์และการแต่งงาน อาจเป็นได้ว่า ชาวโรมันแต่งงานกันมากในเดือนนี้ เพราะเป็นช่วงที่อุดมสมบูรณ์
July หรือ กรกฎาคม ไม่ได้ตั้งชื่อตามเทพเจ้าหรือฤดูกาล แต่มาจากชื่อของจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ Julius Caesar
August หรือ สิงหาคม ก็ตั้งชื่อตามหลานชายของ Julius ที่ชื่อ Caesar Augustus เพราะว่าเขาอยากมีชื่อเสียงเหมือน Julius บ้าง จึงตั้งชื่อเดือนนี้ โดยใช้ชื่อของเขา เดิมทีเดือนสิงหาคมมีแค่ 30 วันซึ่งน้อยกว่าเดือนของ Julius แต่ Augustus เพิ่มวันให้เดือนของตน โดยเอาวันจากเดือนกุมภาพันธ์มาหนึ่งวัน เพื่อให้ตนเท่าเทียมกัน Julius
September หรือ กันยายน มาจากคำภาษาละตินว่า Septem ซึ่งแปลว่า '7' และเดือนนี้ก็เป็นเดือนที่ 7
October หรือ ตุลาคม ก็มาจากคำภาษาละตินที่แปลว่า '8' ซึ่งคือคำว่า Octo
November หรือ พฤศจิกายน ก็มาจากคำที่แปลว่า '9' คือคำว่า Novem นั่นเอง
December หรือ ธันวาคม ก็แน่นอนมาจากคำว่า Decem ที่แปลว่า '10' งัย
January หรือ มกราคม ถูกเพิ่มมาทีหลังพร้อมกับเดือน กุมภาพันธ์ คำว่า January มาจากชื่อของเทพเจ้า Janus ซึ่งเป็นเทพ 2 หน้า หน้าหนึ่งมองไปในอดีต อีกหน้ามองไปสู่อนาคต ซึ่งเป็นช่วงที่คนเราต้องมองย้อนสิ่งที่ตนทำ และมองไปข้างหน้าเฝ้ารอคอยปีใหม่
February หรือกุมภาพันธ์ มาจากคำภาษาละตินที่แปลว่า 'ชะล้าง' ซึ่งเป็นเดือนที่คนต้องชะล้างตัวเองให้สะอาดรอรับปีใหม่....

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ


คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ …พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก) วัดพุทธบาทตากผ้า ป่าซาง ลำพูนคน…. โง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ, คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจจะปากหนัก(ไม่ค่อยจะพูดมาก) คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก ใจมันไม่อยู่ที่ตัวใจมันไปอยู่ที่ปาก มันจึงพูดไปวันยังค่ำ คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ ความสำคัญของตัวเองที่จะเข้าใจกันไว้ตัวของคนเราแต่ละคนมีความสำคัญ ๆ อย่างไร? สุดแท้แต่จะพิจารณา ความคิดพิจารณาต่างๆ กันตามทัศนะของใครของมัน ความสำคัญที่ตัวเอง……ส่วนมากผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา และอบรมมักจะสำคัญมั่นหมายตนเองว่า เป็นผู้รู้ เป็นผู้เก่งกว่าเขา เป็นผู้ที่มีมั่งมีกว่าเขา เป็นผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าเขา เห็นคนอื่นเป็นคนต่ำต้อยไปเสียหมดเห็นหน้าคน เป็นหน้าสัตว์ไปเสียหมด ! ความสำคัญอย่างนี้เป็นความสำคัญเข้าใจผิดๆ อย่างมากที่สุดเพราะเป็นเหตุให้เกิดมานะ จองหอง ทะนงตัว เป็นไฝฝ้า หรือเป็นรั้วปิดบังความดี จะทำความดีไม่ได้ แล้วก็จะไม่ได้ความร่วมมือจากใคร ๆ ก็ไม่สอนอีกแล้ว การทะนงตัวการมีทิฐิมานะ ใครเห็นแล้วรู้แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย ตายก็ปล่อยให้ตายไป ภาษาธรรมะว่าเป็นไฝฝ้าปิดบังความดี ความจริงน่าจะได้ดีแต่ก็ดีไม่ได้ การมีทิฐิมานะ การทระนงตัว ความจองหองมันไปปิดบังเอาไว้หมด ถือตัวเป็นใหญ่ ว่าเป็นผู้รู้ มั่งมี ผู้ดี มียศสูงศักดิ์ กว่าเขา สำคัญว่าคนอื่นต่ำต้อยกว่า เป็นความสำคัญผิด เป็นเหตุให้เกิดมานะทิฐิ จองหอง เป็นไฝฝ้าปิดหูบังตาไม่ได้บรรลุความดีผู้ใดเป็นดังนี้ คนทั้งหลายจะต้องตีตัวออกห่าง ใคร ๆ ก็ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย เรื่องนี้จึงอยากฝากให้ทุกคนจงคิดพิจารณาเห็นความสำคัญที่ตัวเอง ๆ ที่สำคัญว่าถ้าเราได้ดี ทำดี มันจะดีไปเสียทุกอย่าง ถ้าคิดผิดทาง สำคัญมั่นหมาย ตัวเรารู้ตัวเราดี ตัวเรามีอะไร ๆ ที่ยิ่งกว่าคนอื่น เห็นคนอื่นต่ำต้อยกว่า เป็นการสำคัญผิด เป็นเหตุให้เกิดมานะทิฐิจองหอง ไม่ยอมลดข้อให้ใครในที่สุดจะมีความได้อย่างไรใครคนใดที่เป็นอย่างนี้ ยากที่ใครจะชอบ ใครอยู่ใกล้ก็จะตีตัวออกห่างและไม่คิดจะอยู่ใกล้ แล้วเขาจะกลายเป็นคนที่เป็นปัญหาของสังคม เป็นที่น่ารังเกียจ ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย ภาษาธรรมะเรียกว่า "เป็นกิเลสเครื่องเศร้าหมองหมักดองอยู่ในสันดานของเขา คนดีสละละเสียซึ่งความมั่นหมาย"แต่ตรงกันข้าม ถ้าใครมาเห็นความสำคัญที่ตัวเองด้วยการพินิจพิจารณาตามหลักที่ว่า "อัตตัญญุตา" คือ ความรู้จักตนเองว่า มาด้วยชาติ ว่ามาด้วยตระกูล ๆ ไหน ? สูงหรือต่ำอย่างไร ? ว่าด้วยยศศักดิ์ เรามียศ มีวิทยฐานะอย่างไร เป็นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน เป็นครูบาอาจารย์ เป็นมหาเปรียญ เป็นเจ้าคุณ หรือพระครู หรือเป็นลูกวัดเขา เป็นลูกน้องเขา อะไรเหล่านี้เป็นต้น แล้วมาตั้งตัวตั้งตนอยู่ดี ตามฐานะของตน อยู่พอดิบพอดี กิริยาเป็นระเบียบเรียบร้อย ละมุนละไมมีศีลาจารวัตร งดงาม ใครเห็นก็น่าดูน่ารัก พูดจาปราศรัยออกมาใครได้ยินก็น่าฟัง น่าเอ็นดู พวกเด็ก ๆ ก็มีความเคารพ มิตรสหายก็มีความรักใคร่ ผู้หลักผู้ใหญ่มีความกรุณาเอ็นดู …….คนที่วางตัวอย่างนี้ สำคัญมั่นหมายตัวอย่างนี้นับว่าเป็นคนดี ไม่มีข้าศึกศัตรูที่ไหนมา เด็ก ๆ ก็มีความเคารพ มิตรสหายรุ่นเดียวกัน หรือต่างรุ่นก็รักใคร่ ผู้ใหญ่ก็ให้ความเอ็นดู เขาก็จะได้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่อยู่ร้อนนอนทุกข์ เป็นคนดีมีชื่อเสียง ใครเขาก็สรรเสริญเยินยอด้วยความจริงใจ"อัตตัญญูตา" คือ ความรู้จักตน และก็ประพฤติปฏิบัติให้สมกับฐานะของตัว ว่าฐานะของเราเป็นอย่างไร? และวัด บ้าน โรงเรียน สถานที่ราชการ เราควรวางตัว ทำตัวอย่างไร มันมีคนพร้อมหมด เช่น พระเณร ก็มี ชาวบ้าน นักเรียนก็มี ทหารตำรวจ นายสิบนายพัน ปริญญาตรี โท เอก ก็มี นี่เป็นวิทยฐานะและใครก็ไม่ได้ถือตัวว่าเรามีวิทยฐานะอย่างไร อ้นนี้ขอฝากไว้เป็นข้อคิด อยู่พอเหมาะพอดีมีศีลาจารวัตรอันงดงาม สงบเสงี่ยมเจี่ยมตัว การพูดจาปราศัยก็พูดเฉพาะที่จะเป็น ที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูด การที่จะพูดจาอะไรจะต้องนึกคิดพิจารณาเสียก่อน ใช้สติสัมปชัญญะไตรตรองให้รอบคอบเสียก่อนว่าสมควรหรือไม่ อย่างนี้เป็นการดี จะทำอะไร อย่าให้ขาดสติสัมปชัญญะ อย่าทำอะไรเหมือนคนตาบอด อย่าให้เข้าทำนองที่กล่าวว่า "คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก" คือ คิดอะไรก็ไหลออกปากทันที จะไม่ดีส่วน "คนฉลาดเขาเอาปากไว้ที่ใจ" คือ เวลาเขาจะพูด เขาจะคิดไตร่ตรอง ย้อนแล้วย้อนอีกว่าจะมีผลดี ผลเสีย และมีผลกระทบทั้งส่วนตนเองและคนรอบข้าง อย่างไร หรือไม่ ? ซึ่งเขาจะกลั่นกรองเสียก่อนจึงพูดออกมา อันนี้ให้จำใส่ใจเอาไว้ นี้คือ "อัตตัญญุตา" คือการรู้จักวางตนหรือทำตนอย่างไร?นอกจากรู้จักตน ตั้งตนให้อยู่พอเหมาะพอดี แล้วก็จงพยายามพัฒนาตนเองให้เป็นที่พึ่งของตัวเองได้ด้วย อย่าได้คอยแต่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่น เช่นว่าเราเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา ตอนนั้น เราก็จะพึ่งพาอาศัยพ่อแม่เราอยู่ พอโตขึ้นมาเราก็พึ่งครูอาจารย์ เมื่อมีงานการอะไรเราก็พึ่งเจ้าของกิจการ และเพื่อน มิตรสหาย แต่ผู้ที่เป็นที่พึ่งของเราอย่างนั้นเป็นได้บางอย่าง และชั่วครั้ง ชั่วคราว พึ่งได้ตามแต่เขาจะกรุณา เช่นพ่อแม่ เราพึงท่านได้ ท่านให้ความอุปการะคุณเลี้ยงดูทุกอย่างก็แต่ในช่วงที่ท่านยังแข็งแรงหรือเมื่อท่านยั งมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อไม่อยู่ในฐานะดังกล่าวแล้ว เราก็ไม่สามารถพึ่งได้ครูอาจารย์ก็เหมือนกันเป็นที่พึ่งของเราก็ได้เพียงการแนะนำพร่ำสอน ถ้าเราเป็นนักเรียนที่ถูกดื้อถือรั้น สอนสั่งไม่ปฏิบัติตาม ครูอาจารย์ก็จะเอาเราคือ จะไม่เมตตา หรือถ้าท่านเมตตาก็เป็นได้ช่วงหนึ่งแห่งชีวิตของเราเมื่อยังเป็นนักเรียน แต่เมื่อเราจบมาแล้ว ๆ เรายังจะต้องพึ่งครูตลอดไปคงไม่ได้ส่วนรายอื่น ๆ ก็เช่นกัน มีเพื่อน มิตรสหาย เจ้านายที่ทำงาน หรือผู้คนรอบข้างในสังคม ถ้าเราปฏิบัติตัวเป็นคนดี ใคร ๆ เขาก็อยากคบค้าสมาคม หรือเป็นที่พึ่งพาอาศัย ในยามที่เราเดือดร้อน บางคนแม้แต่คำแนะนำเขาก็ไม่อยากช่วยเหลือเพราะเราไม่เป็นคนดีนั่นเอง …..ดังนั้นการพึ่งที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดในชีวิตก็คือ "การทำตัวเองให้ดี และก็พึ่งตัวเอง"ข้อสำคัญที่สุดคือ การรู้จักตนเอง ควรที่จะได้นึกเน้นให้มันลึกเข้าไป พยายามฝึกหัดดัดสันดานของตัวเอง พยายามปกครองตนเองให้มันได้ ให้ตนเองเป็นที่พึ่งของตนเองได้จริง ๆเมื่อเรารู้แล้วอย่างนี้ว่าเราจะทำอย่างไร? เราก็พินิจพิจารณาความสำคัญที่ตัวของเราเอง จึงขอฝากไว้เป็นที่พิจารณาว่าตัวของเราเป็นสิ่งที่สำคัญ อะไรที่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่าง ร้ายดีถี่ห่างอยู่ที่ตัวของเราทั้งหมด เขาจะรักเรา หรือว่าชังเราก็อยู่ที่ตัวของเรานี่แหละ ….จงมองดูที่ตัวของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากไ ด้ ถ้าหากว่าจะติคนอื่นก็ขอให้ติตัวเราเสียก่อน จะโทษคนอื่นก็จงโทษตัวเราก่อน ถ้าตัวเราดีแล้วใครเล่าเขาจะมาติ มาด่า มาว่าเรา ทำร้ายเรา ก็ไม่มีสิ่งต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้น กับเราเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากตัวของเรานี่เอง จงพยายามโทษที่ตัวเอง จงอย่าลืม "คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ" จงพยายามฝึกหัดดัดสันดานตัวเองเข้าไว้ ให้เด็กเห็นเกิดความเคารพรัก ให้เพื่อน ๆ เห็นก็รักใคร่ ให้ผู้ใหญ่เห็นก็เอ็นดู นี้จึงนับว่าได้ทำตัวเองให้มีคุณค่าของความเป็นคนขึ้นมา

………………….สุภาษิตท้ายบท…
" โมกโข กัลยาณิยา สาธุ แปลว่า การเปล่ง/กล่าว วาจางาม ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จ"
ขอบคุณ..ลานธรรมจักร
"มุตวา ตัปปติ ปาปิกัง แปลว่า คนใดพูดวาจาชั่ว ย่อมเดือนร้อน"

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

...ทำไมคนเราถึงต่างกัน?...


๑) อายุยืน-อายุสั้น คนที่เกิดมาแล้วอายุยืนก็เพราะไม่ได้ฆ่าสัตว์ในชาติก่อนและชาตินี้......ส่วนคนที่เกิดมาอายุสั้นก็เพราะเคยฆ่าสัตว์ในชาติก่อนและชาตินี้...คำว่าฆ่าสัตว์หมายถึง......ทั้งคนและสัตว์เดรัจฉานที่เรียกรวมๆว่าสัตว์โลก ผู้ที่ต้องการจะมีอายุยืนนอกจากจะต้อง......ไม่ฆ่าสัตว์ทุกชนิดแล้ว ยังต้องช่วยให้สัตว์อื่นๆ มีอายุยืนด้วย นั่นคือการให้อาหารเป็นทาน......การปล่อยสัตว์ ช่วยสัตว์ที่ตกอยู่ในอันตรายต่างๆ... ...
๒) โรคมาก-โรคน้อย เป็นคนที่เคยเบียดเบียนสัตว์ ในชาติก่อนและชาตินี้... ...คนที่มีโรคน้อยก็เพราะไม่ได้เบียดเบียนสัตว์ทั้งในชาติก่อนและชาตินี้... ...วิธีแก้ให้มีโรคน้อย ควรถวายยารักษาโรค ช่วยคนเจ็บป่วยให้ได้รับความสุข... ...พบเห็นคนหรือสัตว์ที่เจ็บป่วยก็ควรจะช่วยรักษาพยาบาลตามกำลัง... ...ควรงดเว้นการกักขังสัตว์ต่างๆทุกชนิด...ถ้าจะเลี้ยงสัตว์ก็ต้องให้ได้รับ... ...ความสุขสบายมากที่สุด และจะต้องไม่ใส่กรง... ...
๓) ผิวพรรณสวย-ไม่สวย คนที่ผิวพรรณสวย ก็เพราะไม่เป็นคนขี้โกรธง่าย ไม่อาฆาต พยาบาทคน......คนที่ผิวพรรณไม่สวย ก็เพราะเป็นคนที่มักโกรธ ใครทำอะไร หรือพูดอะไรขัดใจนิดหน่อยก็โกรธ... ...ความโกรธ เกิดจากการหงุดหงิด รำคาญ แล้วก็ฟักตัวมาเป็นความโกรธ แค้นเคือง อาฆาต......และพยาบาท จนถึงการจองเวรกันข้ามภพข้ามชาติ อารมณ์หงุดหงิดที่ทำให้สีหน้าไม่ผ่องใส.....จิตใจไม่เบิกบาน จนถึงหน้านิ่วค้วขมวด เป็นเหตุให้หน้าย่น แก่เกินวัย ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น... ...แม้แต่ผู้ที่สวยอยู่แล้ว(เพราะบุญเก่า) แต่ถ้าเป็นคนที่โกรธอยู่ประจำ ก็จะทำให้หน้าไม่สวย......ไร้เสน่ห์ ความโกรธ มีทั้งโทษต่อร่างกายและจิตใจ เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่น......โรคความดัน โรคกระเพาะ โรคประสาท โรคเครียด เป็นต้น... ...วิธีแก้โรคโกรธที่ได้ผลทันตาก็คือ ต้องใช้การเจริญเมตตา แผ่ความรัก... ...และความปรารถนาดีต่อผู้อื่น...นึกถึงแต่สิ่งดีๆของเขา ก็จะเห็นความน่ารัก... ...น่าสงสารของเขา ก็จะทำให้จิตใจของเราสบาย กินได้นอนหลับ... ...
๔) มีอำนาจมาก-อำนาจน้อย คนที่ไม่ริษยาผู้อื่น ไม่มุ่งร้ายผู้อื่น... ...ไม่ริษยาในลาภในสักการะตลอดจนการไหว้ การบูชาคนอื่น จะเป็นคนมีอำนาจ... ...ในทางตรงกันข้ามก็จะมีอำนาจน้อย คนที่อิจฉา ริษยา ในลาภหรือความดีของคนอื่น... ...อาการของความริษยาก็คือ เห็นใครเขาดีกว่าตนแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ คับใจ... ...อดที่จะแสดงกิริยาหรือพูดเสียดสีนินทาเขาไม่ได้... ...วิธีแก้หรือทำลายตัวริษยามีทางเดียวคือสร้างมุทิตา คือพลอยยินดีเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี...
๕) ร่ำรวย-ยากจน คนที่เกิดมาแล้วมีฐานะดี ไม่อดอยากยากจน ในชาติก่อนได้ทำทานไว้มากเช่น......ข้าว น้ำ ผ้า ยา ตลอดจนที่พักอาศัย และแสงสว่าง ส่วนคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน.....หรือร่ำรวยแล้วยากจนภายหลัง ก็แสดงให้เห็นว่า ตระหนี่ ขี้เหนียว.....ไม่มีจิตเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แก่คนหรือสัตว์ เห็นแก่ตัวจัด... ...วิธีแก้ก็คือ ให้ทำทาน มีน้อยก็ทำน้อย จะทำอย่างไรก็ได้... ...แต่ทำแล้วต้องไม่เดือดร้อนตัวเองและครอบครัว... ...
๖) เกิดในตระกูลสูง-ตระกูลต่ำ คนที่มีโอกาสเกิดในตระกูลสูง เป็นคนไม่เย่อหยิ่ง... ...อ่อนน้อมถ่อมตน ไหว้คนที่ควรไหว้ บูชาคนที่ควรบูชา ส่วนคนที่เกิดในตระกูลต่ำ... ...มักเป็นคนกระด้าง ถือตัว จองหอง ไม่รู้จักอะไรควรไม่ควร ไม่นับถือคนที่ควรนับถือ... ...วิธีแก้ ให้แก้ด้วยการสร้างค่าสำนึกว่า คนที่เกิดมาในโลกเดียวกันนี้ ย่อมมีศักดิ์ศรีเท่ากันหมด......เรื่องความมี ความจน ความฉลาด โง่ สวย ขี้เหร่ เป็นเพียงค่าสมมุติเท่านั้น ที่เหมือนกันคือ......ทุกคนต้องแก่ แล้วก็ต้องตาย ไม่มีใครเอาสิ่งต่างๆ ใส่โลงไปได้ นอกจาก บุญ และ บาป เท่านั้น... ...
๗) ฉลาด-โง่ คนที่เกิดมาฉลาด มีปัญญาดี เขาจะต้องสั่งสมปัญญาไว้ในชาติก่อน... ...ศึกษาเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ อะไรดี อะไรชั่ว เป็นผู้ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม......ส่วนคนโง่เขลาเบาปัญญา ก็คือคนที่ไม่ใฝ่รู้การศึกษา ดังคำที่ว่า... ...ไม่เรียนก็ไม่รู้...ไม่ดูก็ไม่เห็น...ไม่ทำก็ไม่เป็น...ไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดผล...

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของ "ทุเรียน" ที่คุณอาจไม่เคยรู้??


สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมมีเคล็ดลับที่ไม่ลับของทุเรียนมาฝากกันครับ หากเพื่อนๆ คนไหนที่เวลาจะกินทุเรียนทีไรต้องคิดหน้าคิดหลังสิบแปดตลบ กลัวอ้วนบ้าง กลัวร้อนในบ้าง กลัวคอเลสเตอรอลกระฉูดบ้าง หลังจากอ่านบทความนี้แล้วอาจเปลี่ยนความคิดใหม่ได้ครับ
ถ้ากินตามเทคนิคของปู่ย่าตายายที่ตกทอดกันมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาล่ะก็รับรองผอมแน่คะ! นั่นคือให้กินทุเรียนแบบถือว่าเป็นยาถ่ายพยาธิ ไม่ใช่กินเอาอร่อยอย่าที่เรากินๆ กัน ตื่นนอนให้เช้าๆ หน่อย สักประมาณตี 5 (เป็นเวลาที่ธาตุของเราเริ่มทำงาน) หลังจากแปรงฟันล้างหน้าแล้วก็ทานทุเรียนได้เลย จะเลือกพันธุ์ไหนก็ได้ตามรสนิยม ให้ทานได้ประมาณครึ่งลูก คนอ้วนจะทานได้มากกว่านี้นิดหน่อย หลังจากทานแล้วดื่มน้ำอุ่นๆ ตามลงไปด้วยหลังจากทานทุเรียนแล้ว ควรงดอาหารเช้าของวันนั้น ทานติดต่อกัน 2 วัน เส้นใยและความร้อนจากสารกำมะถันในทุเรียนจะไปชะล้างพยาธิและสิ่งสกปรกต่างๆ ในลำไส้ออกมาจนหมด ทำให้คุณผอมลง ร่างกายแข็งแรงสดชื่นด้วย ทุเรียนมีดีรอบด้าน ถึงกินแล้วจะร้อนในไปหน่อย แต่ความดีอย่างอื่นของทุเรียนก็ยังมี แถมมีตั่งแต่ต้นจรดรากซะด้วยสิ!
เนื้อ: เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ร้อน แต่ความร้อนนี้ล่ะจะช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีหนองแห้งเร็ว และมีฤทธิ์ขับพยาธิได้ด้วย
เปลือก: ถ้าเอาเปลือกแหลมๆ ไปสับแช่ในน้ำปูนใส แล้วเอามาล้างแผลพุพอง แผลน้ำเหลืองเสีย แผลจะหายเร็ว หรือถ้าหากมีเด็กในบ้านเป็นคางทูม คนสมัยก่อนเขาก็จะเอาเปลือกทุเรียนไปเผาแล้วบดเป็นผง เอมาผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาพอกที่คาง คางทูมก็จะยุบ
ใบทุเรียน: เอาใบทุเรียนไปต้มกับน้ำแล้วเอาน้ำนั้นมาอาบ ความร้อนจะช่วย ให้หายไข้และโรคดีซ่านได้
ราก:ตัดเป็นข้อๆ ใส่หม้อต้มให้เดือด นำมาดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงได้ดี
แต่ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามแล้วละก็ คุณอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า ทุเรียนจะสามารถทำให้คุณสวยได้ ….
วิธีการไม่ยากเลยเพียงแค่….นำเนื้อทุเรียนสุกพอห่ามๆ ไม่ต้องสุกมาก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สักกำมือหนึ่ง ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อข้นๆ ทาไปเลยทั่วผิว เว้นรอบดวงตาและปาก หรือบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ธาตุกำมะถันในทุเรียนจะทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น
สรรพคุณมากมายอย่างนี้ สาวๆที่ไม่ชอบทุเรียนอาจจะต้องหันกลับมาสนใจทุเรียนมากขึ้นแล้วละ เพราะทุเรียนมีดีกว่าที่คิด จริงไหม!!!….